เลือกอ่านหัวข้อในบทความ
หลังฉีดโบห้ามทำอะไรบ้าง ควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้โบท็อกซ์สลายช้า
การฉีดโบท็อกซ์ เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงและได้รับความนิยมต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน เพราะเป็นหัตถการที่มีคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้สวยงาม ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนและเห็นผลไวที่สุด รวมทั้งมีราคาไม่แพง แต่ตัวยาของโบท็อกซ์นี้ก็ไม่ได้คงอยู่ถาวร ซึ่งจะสามารถสลายตัวลงไปเองได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นการจะฉีด Botox ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีและอยู่ได้นานที่สุด ก็ต้องอยู่ที่การดูแลตัวเองของผู้ฉีดด้วย ซึ่งข้อควรรู้ หลังฉีดโบห้ามทำอะไรบ้าง มีข้อควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดสลายไปช้า หรืออยู่ได้นานมากที่สุด ท่านสามารถหาคำตอบเหล่านั้นได้ในบทความของเราในวันนี้กันเลยค่ะ
โบท็อกซ์ ใช้รักษาอะไรได้บ้าง ?
Botox หรือ โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) ที่เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) ซึ่งเป็นตัวยาที่จะมีกลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดเข้าไป หรือที่ส่งผลให้เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อชั่วขณะนั่นเอง โดยในปัจจุบันได้ใช้ Botox เพื่อช่วยรักษาทางด้านการเสริมความงามและด้านอื่น ๆ ได้แก่
- ช่วยรักษาริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหว หรือการแสดงอารมณ์ เช่น บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา และบริเวณรอบปาก
- ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามและปรับโครงหน้า ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น
- ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น เนื้อน่อง ทำให้น่องเรียว
- ช่วยลดอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดไมเกรน ปวดหลัง
- ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อที่ผิวหนัง ลดอาการเหงื่อออกรุนแรง เช่น บริเวณรักแร้ และฝ่ามื
หลังฉีดโบห้ามทำอะไรบ้าง ?
หลังฉีดโบห้ามทำอะไรบ้าง เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีข้อห้ามดังนี้
- งดการนอนราบและการก้มหัวต่ำกว่าระดับหัวใจ 3-4 ชม. หลังฉีดโบท็อกซ์
- หลังจากฉีดโบท็อกซ์ให้งดแต่งหน้า ประมาณ 24 ชั่วโมง
- หลังฉีดโบท็อก ห้ามนวด กด คลึงใบหน้าในบริเวณที่ฉีดทันที โดยเฉพาะในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพราะจะทำให้ตัวยาไหลกระจายออกไปสู่กล้ามเนื้อข้างเคียงบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการได้
- งดการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังการฉีดประมาณ 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนทุกชนิด ประมาณ 2 อาทิตย์แรกหลังฉีด เช่น การอบไอน้ำ ซาวน่า ตากแดด การใช้น้ำอุ่นล้างหน้า และการเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด
- งดการทานหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- งดอาหารที่มีรสเผ็ดจัด อาหารหมักดอง และอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานกลุ่มยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น วิตามิน อี (Vitamin E) น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose) ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบชนิด NSAIDs เพราะอาจจะทำให้เลือดหยุดไหลได้ช้าและอาจทิ้งรอยช้ำได้
ทั้งนี้ ข้อห้ามที่เป็นอันตรายถึงชีวิตที่ไม่ควรฉีดกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อในการกลืน ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดต่าง ๆ และผู้ที่มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด Botox เพื่อให้โบท็อกซ์สลายช้า ทำอย่างไรบ้าง ?
- หลังฉีดโบท็อกควรบริหารกล้ามเนื้อในจุดที่ฉีดทันที เช่น เคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบท็อกกรามประมาณ 30 นาที หรือหากฉีดรอบดวงตา ควรยิ้มทุก 15 นาทีใน 4 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้ดีขึ้น
- หลังฉีด 4 ชั่วโมง สามารถล้างหน้าได้ แต่การทาครีมบำรุงหรือใช้เครื่องสำอางสามารถทำได้ในวันถัดไป
- งดการสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้โบท็อกสลายได้ไวกว่าปกติ
- แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้นและอยู่ได้นานขึ้น แต่ทั้งนี้ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
- ควรฉีดโบท็อกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและดียิ่งขึ้น แต่ไม่ควรฉีดถี่เกินไป โดยควรเว้นอย่างน้อย 3 เดือน และไม่ควรเว้นระยะห่างเกิน 5-6 เดือน
หลังฉีดโบห้ามทำอะไรบ้าง การใส่ใจดูแลตัวเองหลังทำหัตถการเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งคนไข้เองควรที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพและอยู่ได้นานมากที่สุด รวมถึงการเลือกรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเลือกทำกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือก็จะช่วยให้การรักษาเป็นไปด้วยดีและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งหากท่านกำลังมองหาคลินิกที่จะใช้บริการฉีดโบท็อกซ์ หรือดูแลรูปหน้าและผิวพรรณ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ All About Clinic เพื่อรับการประเมินและคำแนะนำในการรักษาได้
ทั้งนี้ หากผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับคุณหมอพอล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ Line @AACCENTER ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
