อาการคัน ผมหลุดร่วง และอาการ ผมร่วงเป็นหย่อม อาจมีสาเหตุมาจาก เชื้อราบนหนังศีรษะ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจจะทำให้เกิดภาวะที่รุนแรงขึ้นอย่าง การกลุดร่วงของเส้นผมอย่างถาวร ทำให้หัวล้าน ดังนั้นการไปพบแพทย์เพื่อ ตรวจหาสาเหตุว่า เชื้อราบนหนังศีรษะ รักษา อย่างไร ? สาเหตุเกิดจากอะไร ? จะทำให้สามารถดูแลเส้นผม และหนังศีรษะ ได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา รวมไปถึงการฟื้นฟูเส้นผม ในบริเวณที่เกิดเชื้อรา
เชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis) เป็นการติดเชื้อราในกลุ่ม เดอร์มาโทไฟต์ (Dermatophyte) เชื้อชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดี ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เชื้อราชนิดนี้จะเข้าไปทำลายโครงสร้างสำคัญของเส้นผมและหนังศีรษะ นั่นก็คือ เคราติน (Keratin) เชื้อรายังทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน เส้นผมจึ
อ่อนแอ แตกหัก และหลุดร่วงได้ง่าย ซึ่งเชื้อราบนหนังศีรษะในกลุ่ม เดอร์มาโทไฟต์ ที่ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม จะมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
สาเหตุที่ทำให้เกิด เชื้อราที่หนังศีรษะ เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาจาก สภาพแวดล้อม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตระจำวัน
สภาพอากาศที่ร้อนชื้น โดยเฉพาะอากาศในประเทศไทย มีส่วนทำให้หนังศีรษะ ผิวหนังอับชื้น ซึ่งถ้าหากทำความสะอาดหนังศีรษะ ไม่เหมาะสม หรือการปล่อยให้ผมเปียกชื้น หลังจากสระผมเป็นเวลานาน ยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี และเชื้อรายิ่งแพร่กระจาย หากมีการใช้หวี หรืออุปกรณ์จัดแต่งทรงผมร่วมกันกับผู้อื่น
การสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อราปนเปื้อนอยู่ ทั้งบนปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว หมวก หวี รวมไปถึงการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อรา ก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงควรรักษาความสะอาดภายในบ้าน ทำความสะอาดของใช้ และหากมีสัตว์เลี้ยง ก็ต้องดูแลความสะอาดของสัตว์เลี้ยงด้วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อรา
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อราที่หนังศีรษะได้มากกว่าคนอื่น เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับยากดภูมิ รวมไปถึงผู้ที่มีภาวะความเครียดสูง นั่นเป็นเพราะร่างกายไม่สามารถต่อต้าน การเจริญเติบโตของเชื้อรา ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เชื้อราบนหนังศีรษะ เป็นโรคติดต่อ ที่เชื้อสามารถแพร่กระจาย ทำให้ติดได้ทั้งจาก คน สัตว์ และสิ่งของ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบว่า เชื้อราบนหนังศีรษะมักจะเกิดจากการติดจากการแพร่กระจายของเชื้อจากสภาพแวดล้อม ดังนี้
อาการของการติดเชื้อบนหนังศีรษะ จะแสดงอาการใน 2 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับเชื้อมา และสามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
หากเกิดการติดเชื้อราที่หนังศีรษะในช่วงแรก และอาการไม่รุนแรง ไม่มีการอักเสบของผิวหนังร่วม แพทยือาจจะแนะนำให้รักษาด้วยการ ใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อรา หรือใช้ยาสระผมที่ส่วนผสมของ คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) โดยสระผม 3 ครั้งต่อสัปดาห์
ยาต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ที่ผสมอยู่ในแชมพู หรือ ซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) สามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อราที่หนังสีรษะได้ โดยใช้ทาเฉพาะบริเวณที่เกิดเชื้อรา แต่อาจจะไม่สามารถรักษาเชื้อราที่ลุกลามลึกเข้าไปยังรูขุมขนได้
ยาต้านเชื้อราแบบรับประทาน จะเป็นตัวยาเทอร์บินาฟีน (Terbinafine) หรือ ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) จะใช้สำหรับกรณีที่มีการติดเชื้อราในระดับที่รุนแรง ซึ่งตัวยาทั้งสองชนิดนี้สามารถกำจัดเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ ด้วยการทำเลเซอร์ นอกจากจะช่วยทำลายเชื้อราแล้ว เลเซอร์ยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่หนังศีรษะ ทำให้รูขุมขนกระชับ เส้นผมแข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อราซ้ำได้เป็นอย่างดี
เชื้อราบนหนังศีรษะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่สามารถรักษาและป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยที่ดีและการรักษาที่เหมาะสม การรู้จักสาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อมีอาการผิดปกติที่หนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง อย่าพยายามรักษาด้วยตนเอง เพราะมีโอกาสที่เป็นเชื้อราเรื้องรัง และมีอาการรุนแรงขึ้น