การปลูกผม สำหรับหลาย ๆ คนนั้นเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจให้รอบคอบ ด้วยราคาที่สูง ทรัพยากรในการปลูกที่จำกัด รวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังปลูก ดังนั้นการหาข้อมูลที่รอบคอบก่อนตัดสินใจจึงจำเป็นมาก ไม่เว้นการหารีวิวหรือข้อมูลจากเว็บบอร์ดเมืองไทยอย่าง Pantip ที่แทบจะรวมทุกอย่างทั้งรีวิว ข้อมูลมากมาย การแชร์ประสบการณ์ ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวมคำถามสำหรับการปลูกผมที่ชาว Pantip สงสัยมาอธิบายกันในบทความนี้ค่ะ
การเลือกคลินิกปลูกผมนั้น แนะนำเลือกจากการเดินทางง่ายเป็นหลัก จากนั้นก็ดูรีวิวและตรวจสอบคลินิกว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะหลังปลูกผมไปแล้วจะต้องนัดติดตามผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประสบการณ์ของแพทย์เองก็สำคัญ ดังนั้นจึงต้องเลือกคลินิกที่หมอเชี่ยวชาญและมีรีวิวเยอะ
ราคาปลูกผมในปี 2567-2568 ราคาจะไม่ต่างกันมากนัก โดยคิดราคาเป็นกราฟต์ผม ราคาเริ่มต้นตั้งแต่กราฟต์ละ 60-80 บาท (ในการปลูกแต่ละครั้งจะใช้จำนวนกราฟต์ผมประมาณ 1,000 – 2,500 กราฟต์ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูก) ส่วนราคาในแต่ละคลินิกจะอยู่ระหว่างที่ 80,000 – 120,000 บาท
ทั้งนี้สามารถติดตามราคาและโปรโมชั้นของ All About Clini ได้ที่ : โปรโมชั่น All About Clinic
การปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องดูผลลัพธ์ระยะยาว คือหลังปลูก 18 เดือนเส้มผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ ซึ่งหลายคนจะกังวลว่าผมจะไม่ขึ้นในช่วง 1 – 3 เดือนแรก เพราะเป็นระยะที่เกิดภาวะ Shockloss หลังปลูกผมทำให้ผมที่ปลูกใหม่ร่วงบาง แต่หลังจากเส้นผมงอกใหม่ก็จะเส้นหนาดกดำค่ะ
ส่วนกรณีปลูกผมไม่ขึ้นนั้นสามารถเกิดได้ สาเหตุจากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์น้อย หรือคลินิกไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งก่อนปลูกก็แนะนำให้เลือกหมอและคลินิกจนมั่นใจก่อนปลูกค่ะ
แพทย์อเมริกันบอร์ด เป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองด้านความชำนาญในการปลูกถ่ายเส้นผม ถ้าถามว่าจำเป็นต้องปลูกกับแพทย์ ABHRS เท่านั้นไหม ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนไข้เป็นหลัก เพราะแพทย์ที่มีการรับรองอเมริกันบอร์ดราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ดูจากประสบการณ์แพทย์ และรีวิวเป็นหลัก
ทั้งสองเทคนิคคือการปลูกแบบย้ายรากผมเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกคือเทคนิค FUE จะใช้คีม Forceps ในการปลูกส่วน DHI จะใช้ปากกาปลูกผม Implanter ผลลัพธ์ที่ได้หลังปลูกก็จะต่างกันเล็กน้อย คือ เทคนิค DHI จะปลูกได้ชิดกว่า ปลูกง่ายคุมทิศทางผมได้ดีและใช้เวลาน้อย ทำให้ราคาสูงตามไปด้วย
ถ้าถามว่าปลูกเทคนิคไหนดีกว่ากัน ก็แนะนำว่าถ้างบถึงการปลูกแบบ DHI ก็คุ้มค่ากว่า เพราะจะได้ใช้กราฟต์ผมได้คุ้มค่าที่สุด
การปลูกผมเป็นหัตถการที่ทำร่วมกับการฉีดยาชา จึงเจ็บในขั้นตอนที่ฉีดยาชาหลังจากนั้นก็ปลูกผมได้แบบชิลล์ ๆ ไม่เจ็บ ส่วนหลังจากยาชาหมดฤทธิ์นั้นอาจจะรู้สึกปวด หรือระบมศีรษะด้านหลังหรือบริเวณที่ปลูกผมใหม่อยู่บ้าง แต่สามารถทานยาแก้ปวดได้ และอาการปวดจะเริ่มดีขึ้นภายใน 3-4 วันค่ะ
ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ว่าเส้นผมนั้นมีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน โดยการทานยาหลังปลูกคุณหมอจะประเมินหลังจากตรวจเส้นผม และทำการวางแผนการรักษา ซึ่งการทานยาจะเป็นยาบำรุงรากผม กระตุ้นให้รากผมมีความแข็งแรงมากขึ้น หลังจากที่เส้นผมสมบูรณ์เต็มที่ก็จะมีการปรับลดยาหรือหยุดทานยาได้ค่ะ
การปลูกผมแบบ Long Hair หลังปลูกผมด้านหน้าจะยาวทันที เหมือนแนวผมเดิมข้อดีคือดูเนียนทันทีเหมือนไม่ได้ผ่านการปลูกผมมา ผมดูหนาขึ้น แต่หลังจากที่ผ่านระยะพักฟื้น 1-3 เดือน เส้นผมก็จะเข้าสู่ภาวะ Shockloss และเริ่มหลุดร่วงก่อนงอกใหม่ เหมือนกับการปลูกด้วยวิธีอื่น ๆ ข้อเสียคือจะใช้เวลาปลูกนาน และมีค่าใช้จ่ายสูง
บทความที่เกี่ยวข้อง
เพราะการปลูกผมนั้น จะต้องมีการเก็บกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังช่วงท้ายทอย ดังนั้นก่อนปลูกผู้ช่วยจะทำการโกนผมด้านหลังให้สั้น เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บกราฟต์ผม ทั้งนี้หากไม่ต้องการให้โกนศีรษะด้านหลังก็อาจจะเลือกปลูกด้วยเทคนิค Non-Shaven ได้ แต่จะใช้เวลาค่อนข้างเยอะในการปลูกค่ะ
ภาวะศีรษะอักเสบ หรือเป็นเชื้อราที่หนังศีรษะในบางคนอาจจะสังเกตได้ยาก ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจสภาพหนังศีรษะก่อน หรือบางท่านในวันนัดปลูกหลังจากโกนผมไปแล้ว พึ่งสังเกตเห็นเชื้อราและการอักเสบบนหนังศีรษะก็จะต้องทำการรักษาด้วยยาไปก่อน จนกว่าหนังศีรษะจะแข็งแรง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังปลูกนั้นเส้นผมแข็งแรงมากที่สุด ดังนั้นก่อนแพลนปลูกผมจึงแนะนำให้ดูแลหนังศีรษะไม่ให้อับชื้นหรือเกิดรังแคจนอักเสบจะดีที่สุดค่ะ
ก่อนปลูกผมจะต้องทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจการติดเชื้อและสกรีนโรคติดต่อทางเลือดก่อน เช่น HIV , ซิฟิลิส หรือโรคในกลุ่มไวรัสตับอักเสบชนิด B หรือ C เพื่อจะได้วางแผนการรักษาให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยจากการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังปลูก รวมถึงการป้องกันการติดเชื้อ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ผู้ป่วย HIV ปลูกผมได้ไหม การปลูกผม HIV มีข้อจำกัดอะไรที่ควรรู้บ้าง
อ่านบทความล่าสุด
รับสิทธิ์ส่วนลด 60% ทุกบริการ