Home » ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda ผอมจริงไหม ? ปลอดภัยหรือเปล่า ?
ปากกาลดน้ำหนัก

ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda ผอมจริงไหม ? ปลอดภัยหรือเปล่า ?

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมากเกิน หรือ โรคอ้วน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพ และโรคอ้วนยังทำให้เกิดโรคร่วมอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย ดังนั้นการที่จะรักษาไม่ให้ค่า BMI มากกว่า 25 จึงต้องควบคุมน้ำหนัก เพื่อให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร ไปจนถึงการกินยาลดความอ้วน และการใช้ ปากกาลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับใช้เป็นตัวช่วยในการ ลดน้ำหนัก ซึ่งจะมีผลข้างเคียง หรือเป็นอันตรายหรือไม่ ? ต้องห้ามพลาดบทความนี้

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

โรคอ้วน

โรคอ้วน ไม่ใช่แค่เพียงปัญหาในเรื่องของความไม่มั่นใจ ใส่เสื้อผ้าไม่สวย หรือเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก แต่โรคอ้วนยังเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ ที่ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา และด้วยไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ของผู้คนในยุคปัจจุบัน ส่งผลทำให้มีน้ำหนักตัวมากขึ้น จากสถิติพบว่าคนไทยกว่า 1 ใน 3 มีน้ำนักตัวมากจนถึงขั้นเป็นโรคอ้วน และเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวที่มากเกิน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งการลดน้ำหนักแบบผิดวิธี นอกจากจะสุขภาพไม่ดีแล้ว ยังอาจทำให้เกิด Yoyo Effect หรือการที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากการลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย

สิ่งที่ต้องระวังในการลดน้ำหนัก ก็คือ ไม่ควรซื้อยาลดน้ำหนักมาใช้เอง เพราะมีผลข้างเคียง ถ้าหากต้องใช้ยาลดน้ำหนัก ต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น และการใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ถ้าหากอยากลดน้ำหนักแบบปลอดภัย จะต้องใช้วิธีดังต่อไปนี้

การควบคุมอาหาร

การควบคุมอาหาร ที่เป็นที่ยอมรับ และเป็นการคุมอาหารที่ถูกวิธีในปัจจุบัน จะมีทั้ง Atkins Diet การทานอาหารที่เน้นโปรตีนสูง และไขมันดี แต่จำกัดคาร์โบไฮเดรต, Intermittent Fasting หรือ IF การอดอาหารเป็นช่วง ๆ และ Mediterranean Diet การทานอาหารแบบชาวต่างชาติ แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ที่เน้นธัญพืช ถั่ว ผักผลไม้ต่าง ๆ หลีกเลี่ยงเนื้อแดง นอกจากนี้ยังสามารถจำกัดการทานอาหารไม่ให้เกิน 800-1200 Kcal ต่อวัน เพื่อที่จะช่วยลดน้ำหนักได้มากถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวได้ภายใน 3 เดือน

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายที่ช่วยการเผาผลาญไขมัน จะต้องออกกำลังกายที่ระดับเบา ถึงปานกลาง อย่างต่อเนื่องประมาณ 30-60 นาที และต้องออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย จะสามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 6-9 เอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว หรือลดได้สัปดาห์ละ 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ย ในการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนักจะต้องมีวินัยมาก ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง

การผ่าตัดลดน้ำหนัก

การผ่าตัดลดน้ำหนัก เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง เพื่อลดการดูดซึมอาหาร โดยที่ขนาดกระเพาะเล็กลง ฮอร์โมนทำให้อยากอาหารก็ลดลงด้วย ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากผ่าตักระเพาะ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง น้ำหนักตัวก็ลดลงได้มาก และลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะลดน้ำหนักได้มากถึง 18-40 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักเดิม การผ่าตัดกระเพาะ เหมาะกับเคสที่เป็นโรคอ้วนและมีโรคร่วมแล้ว และจำเป็นต้องรีบลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ให้ผลที่ยั่งยืนกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ในการผ่าตัดก็มีความเสี่ยง และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

ปากกาลดน้ำหนัก ตัวช่วยของคนเป็นโรคอ้วน

ทางเลือกใหม่สำหรับการลดน้ำหนัก เพื่อรักษาโรคอ้วน ที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่งก็คือ การใช้ ปากกาลดน้ำหนัก ที่มีตัวยา ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ชนิดฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งถูกรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาแล้วในปี 2014 ว่าสามารถใช้ลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย และถ้าหากใช้ปากกาลดน้ำหนักควบคู่ไปกับการคุมอาหาร และการออกกำลังกาย จะยิ่งทำให้การลดน้ำหนักนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยพบว่าในกลุ่มผู้ทดลองสามารถลดน้ำหนักลงได้มากถึง 5-10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว และมีรอบเอวเล็กลงถึง 8.2 เซนติเมตร ในช่วง 2 เดือนแรก

 ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda

ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda

ปากกาลดน้ำหนัก แซคเซ็นดา (Saxenda) เป็นยาลดน้ำหนักที่อยู่ในรูปแบบปากกา สำหรับฉีดลงสู่ชั้นใต้ผิวหนัง มีตัวยาสำคัญคือ ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับ ฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide 1 Analogue) ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ เมื่อยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ต่อสมองส่วนไฮโปธาลามัส ที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้เมื่อใช้ปากกาลดน้ำหนักแล้วจะทำให้รู้สึกอิ่มง่าย รู้สึกหิวน้อยลง ทานได้น้อยลง น้ำหนักจึงลดลงตามไปด้วย การใช้ปากกาลดน้ำหนักจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบเผาผลาญ ไม่ทำให้เกิดการเสพติด แต่ต้องใช้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์

ข้อดีของการใช้ Saxenda

  • ช่วยทำให้น้ำหนักนั้นลดลงได้ง่ายขึ้น และยังมีความใกล้เคียงกับฮอร์โมน GLP-1 ในร่างกายของมนุษย์
  • ช่วยปรับการทำงานของระะบบทางเดินอาหาร ลดการบีบตัวของกระเพาะ และลำไส้ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ไม่หิวบ่อย ทานอาหารได้น้อยลง
  • เป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ ไม่หงุหงิด ไม่มีอาการซึมเศร้า เหมือนยาลดน้ำหนักแบบเดิม

อาการข้างเคียงของการใช้ปากกาลดน้ำหนัก

อาการข้างเคียงของการใช้ปากกาลดน้ำหนัก ตัวยาลิรากลูไทด์ ชนิดฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนัง อาจจะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ โดยส่วนใหญ่จะพบที่ทางเดินอาหาร เช่น อาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เกิดอาการเบื่ออาหาร จะส่งผลทำให้ทานอาหารได้น้อยลง มีอาการท้องเสีย หรือท้องผูก แต่ตัวยาจะไม่ส่งผลต่อการทำงานของสมอง หรือทำให้เสพติด เมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ร่างกายปรับตัวกับยาได้ อาการข้างเคียงก็จะหายไปได้เอง

ปากกาลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วน เพราะเป็นวิธีการรักษาที่มีความปลอดภัย และเหมาะที่จะใช้เป็นตัวช่วย สำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่เห็นผล และยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด การใช้ปากกาลดน้ำหนักควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรซื้อปากกาลดน้ำหนักมาใช้เอง เพราะแพทย์จะกำหนปริมาณ และระยะเวลาในการใช้ยา ทั้งยังช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนด้วย

ปากกาลดน้ำหนัก
Home » ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda ผอมจริงไหม ? ปลอดภัยหรือเปล่า ?

5 ข้อควรรู้ก่อนใช้ ปากกาลดน้ำหนัก ผอมจริงไหม ? ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง ?

การเกิดภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกินเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์สำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะการมีความอ้วนมากเกินไปก็อาจจะทำให้เสียบุคลิกภาพ ขาดความมั่นใจ และยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ ปัจจุบันผู้คนจึงหันมาหาวิธีที่จะช่วยลดน้ำหนักให้ตัวเอง ซึ่งการลดน้ำหนักนั้นก็ไม่เพียงแต่ต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดความอ้วนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมทางเลือกใหม่ที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น “ปากกาลดน้ำหนัก” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะสามารถช่วยให้ร่างกายได้ปรับสมดุลภายในและช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda คืออะไร ?

ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda หรือยาแซคเซ็นดา คือ ยาลดน้ำหนักที่อยู่ในรูปแบบปากกาสำหรับใช้ฉีดสารเข้าสู่ร่างกาย โดยมีตัวยา ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ที่เป็นสารออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมน GLP-1 1 (glucagon-like peptide 1 analogue) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของคนเรา โดยปกติ GLP-1 จะหลั่งออกมาจากลำไส้หลังจากรับประทานอาหาร และจะออกฤทธิ์ไปที่สมองโดยสั่งการให้สมองควบคุมความอยากอาหารและทำให้รู้สึกอิ่มนาน ไม่ค่อยหิวบ่อย และทานได้น้อยลง จึงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ โดยไม่มีผลต่อระบบเผาผลาญหรือเสพติดแต่อย่างไร ทั้งนี้ควรใช้ในปริมาณที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน และทำควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้ได้ประสิทธิผลที่ดีมากยิ่งขึ้น

ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน สาเหตุมาจากอะไร ?

โรคอ้วน (Obesity) หรือภาวะน้ำหนักเกิน (Overweight) เป็นภาวะที่มีการสะสมไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากผิดปกติ จึงส่งผลให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน ซึ่งโรคอ้วนมีสาเหตุเกิดจากความไม่สมดุลกันระหว่างพลังงานที่ได้รับจากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต อาหารที่มีรสหวานหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและนมจำนวนมาก ซึ่งผู้ที่ชอบรับประทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำจะทำให้รับพลังงานมากกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้หมด และหากไม่มีการออกกำลังกายก็จะยิ่งทำให้พลังงานเหลือเยอะและเกิดการสะสมของไขมันส่วนเกินได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งนี้ในทางการแพทย์จะบ่งบอกว่าใครที่มีภาวะโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานจะดูจากตัวเลขของดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งมีวิธีการคำนวณได้จากน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง (kg/m2) โดยผู้ที่ภาวะน้ำเกินมีค่าดัชนีมวลกายดังนี้

  • ภาวะน้ำหนักเกิน BMI 23-24.9 Kg/m2
  • โรคอ้วน BMI >25 Kg/m2

ทั้งนี้ ค่า BMI เป็นเพียงการประเมินเบื้องต้น เนื่องจากร่างกายแต่ละคนมีมวลกระดูกมากหรือน้อยแตกต่างกัน รวมถึงสภาวะบวมน้ำ หรือการปัสสาวะบ่อยที่ส่งผลต่อน้ำหนักตัวด้วยเช่นกัน

รวม 5 ข้อควรรู้ก่อนใช้ปากกาลดความอ้วน

1. ประโยชน์ของปากกาลดน้ำหนักมีข้อดีอะไรบ้าง

  • ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้ง่ายขึ้น
  • ช่วยลดไขมันในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไขมันส่วนเกิน หรือไขมันภายใน
  • เป็นสารธรรมชาติที่มีในร่างกาย (GLP-1) ไม่ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย และมีผลข้างเคียงต่ำ
  • ช่วยให้อิ่มได้นานขึ้น และเป็นการช่วยปรับพฤติกรรมการกินในระยะยาว ลดการกินจุกจิก อิ่มเร็วขึ้น
  • ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
  • ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ไม่กลับมาอ้วน และไม่มีโยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect)
  • ช่วยให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยในเรื่องของระบบความจำ

2. ผลข้างเคียงของปากกาคุมหิวที่สามารถพบได้

ผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่สามารถพบได้เมื่อใช้ปากกาลดน้ำหนักแซคเซ็นดา เช่น เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือท้องผูก และเบื่ออาหารได้ แต่อาการเหล่านี้จะเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เนื่องจากกลไกในการทำงานของตัวยาที่ฉีดเข้าไปจะมีผลในการลดอัตราการบีบตัวของลำไส้ ทำให้มีโอกาสที่จะทำให้เกิดท้องผูกจากการที่ลำไส้ทำงานช้าลง แล้วทำให้ย่อยอาหารออกเป็นกากใย หรือเป็นอุจจาระ จึงต้องใช้เวลานานกว่าเดิม รวมทั้งตัวยายังส่งผลทำให้รู้สึกอิ่มไว จึงอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอมได้ง่ายเวลารับประทานอาหาร ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อทานอาหารแบบเร่งรีบ หรือทานมื้อใหญ่ ๆ ในปริมาณมาก แต่ผู้ใช้ปากกาลดความอ้วนนี้จะสามารถปรับตัวกับยาได้เมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ แล้วอาการต่าง ๆ ก็จะหายไปและกลับมาเป็นปกติ

3. กลไกการออกฤทธิ์ของยาแซคเซ็นดา

สำหรับการทำงานของตัวยาลดน้ำหนัก Saxenda รูปแบบปากกา จะมีหลักการทำงาน ดังนี้

  • ตัวยาจะเป็นสารโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน GLP-1 ตามธรรมชาติของร่างกายคนเรา ที่จะส่งสัญญาณในการควบคุมสมองทำให้ไม่รู้สึกหิว ลดความอยากอาหารลง และทำให้อิ่มได้ยาวนาน
  • ตัวยามีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารได้นานขึ้นด้วย จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมอาหารและลดน้ำหนักได้ดีขึ้น
  • กระตุ้นให้ตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน หลั่งฮอร์โมนอินซูลินมาช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด จึงทำให้สามารถเก็บและนำพลังงานที่สะสมออกมาใช้ได้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

4. ปากกาลดความอ้วน Saxenda วิธีใช้มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

แนวทางสำหรับการใช้งานปากกาลดน้ำหนัก แพทย์จะแนะนำวิธีการใช้ให้กับคนไข้อย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีวิธีดังนี้

  • ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังทุกวัน วันละ 1 ครั้ง โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดหลังทานอาหารเช้าของทุกวันเสร็จเรียบร้อย เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารมื้อเช้าได้อย่างเต็มที่ก่อน และหลังจากนั้นในมื้อต่อ ๆ ไปของวันก็จะทำให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลง
  • สำหรับการฉีดยาเข้าชั้นไขมัน (subcutaneous injection) ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด คือ หน้าท้อง ต้นขาด้านหน้า หรือต้นแขน โดยห้ามฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อเด็ดขาด
  • ปริมาณยาที่ฉีด (dose) และระยะเวลาการรักษา จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากแพทย์ตามรายบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการลดน้ำหนักของคนไข้ และจะขึ้นอยู่กับดัชนีมวลกาย (BMI) ของแต่ละบุคคลด้วย
  • การฉีดยาลดน้ำหนักควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามความต้องการของผู้ฉีด ทั้งนี้ ไม่มีกำหนดตายตัวว่าต้องหยุดยาเมื่อไหร่ หากผลลัพธ์ของน้ำหนักเป็นที่พึงพอใจของคนไข้แล้ว ก็สามารถแจ้งแพทย์เพื่อทำการหยุดฉีดได้

5. saxenda 1 แท่ง ใช้ได้กี่วัน

สำหรับปากกา saxenda 1 แท่ง ที่ใช้ในการฉีดเพื่อควบคุมความหิวหรือลดความอ้วน จะสามารถใช้ได้นาน 1 เดือน หากไม่ได้มีการปรับปริมาณโดสยาที่ควรได้รับในแต่ละบุคคล ทั้งนี้ หัวเข็มที่ใช้สำหรับใส่ในปากกา 1 เข็มจะสามารถใช้ได้ 5-7 วัน โดยปากกาแต่ละแท่งจะมีหัวเข็มแถมให้ 4-6 เล่ม

ปากกาฉีดคุมหิว Saxenda ราคาเท่าไหร่ ?

ยาควบคุมความหิว หรือยาลดน้ำหนักรูปแบบปากกาที่ All About Clinic จะเริ่มต้นที่ราคา 5,900 บาท ทั้งนี้ ทางคลินิกของเรายังมีโปรโมชั่นส่วนลดให้กับลูกค้าทุกท่านได้เลือกใช้บริการได้ตามความเหมาะสม โดยสามารถติดตามได้ที่ : รวมโปรโมชั่น All About Clinic

อย่างไรก็ตามหากท่านต้องการลดน้ำหนักเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็ควรจะทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรับประทานในปริมาณที่เหมาะกับที่ร่างกายต้องการ และท่านใดที่สนใจใช้ปากกาควบคุมความหิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ และสอบถามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง รวมถึงดูรีวิวปากกาลดน้ำหนัก saxenda จากผู้ใช้จริงของคลินิกนั้น ๆ ก่อนการใช้งานจริง

สำหรับท่านที่สนใจซื้อปากกาลดน้ำหนัก สามารถสอบถามที่ All About Clinic ได้ทุกสาขา โดยแนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์เพื่อคำนวณปริมาณการฉีดก่อน เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ ไม่ว่าท่านจะสนใจซื้อปากกาลดน้ำหนัก สาขาขอนแก่น หรือสาขาอื่นๆ ก็สามารถติดต่อเพื่อสอบถามราคาโปรโมชั่นปัจจุบันได้ โดยสาขาที่มีขายปากกาลดน้ำหนัก มีดังนี้

  • สาขาขอนแก่น
  • สาขากรุงเทพ (พระโขนง)
  • สาขาอุดรธานี
  • สาขาโคราช

คำถามที่พบบ่อย

  • ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30 คือ ผู้มีภาวะอ้วน หรือผู้ที่มีดัชนีมวลกาย BMI 27-29 คือ ผู้มีภาวะน้ำหนักเกิน
  • เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ และผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ
  • ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 
  • ผู้ที่มีนิสัยชอบกินจุกจิก กินไม่หยุด หิวบ่อย และต้องการลดพฤติกรรมการกินเหล่านี้ให้น้อยลง
  • สตรีมีครรภ์ สตรีที่กำลังให้นมบุตร รวมถึงสตรีที่กำลังวางแผนจะมีบุตรในอนาคต
  • ผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งไทรอยด์ และโรคไทรอยด์
  • ผู้ที่มีภาวะแพ้สารยาลิรากลูไทด์
  • ผู้ที่กำลังใช้ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด และผู้ที่เป็นโรคตับหรือไต
  • ผู้ที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือความผิดปกติเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เช่น ภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้า (Gastroparesis)
  • ผู้ที่เคยหรือเป็นโรคภาวะทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า

ปากกาสำหรับฉีดลดน้ำหนัก Saxenda เป็นวิธีการช่วยลดความอ้วนที่ปลอดภัย เนื่องจากได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ยุโรป และอเมริกา ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยควรใช้งานภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งแพทย์จะมีการนัดหมายเพื่อกลับมาดูผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรซื้อปากกาลดน้ำหนักมาใช้เองเด็ดขาด เพราะอาจจะได้ปากกาที่ไม่ได้มาตรฐาน จนเกิดการติดเชื้อ และหากใช้ในปริมาณที่ไม่มีแพทย์ควบคุมดูแลอาจทำให้สารในปากกาส่งผลกระทบกับโรคประจำตัวหรือสุขภาพของผู้ใช้ได้

  • เก็บตัวยาฉีดที่ยังไม่ได้เปิดใช้ไว้ในตู้เย็น อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
  • ห้ามเก็บตัวยาไว้ในช่องแช่แข็ง
  • ยาที่เปิดใช้งานครั้งแรกแล้ว ให้เก็บที่อุณหภูมิห้อง โดยเป็นอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 30ºC
  • หลังจากเปิดใช้แล้วยาจะมีอายุการใช้งานอยู่ได้ 1 เดือน
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็ก
  • ห้ามใช้ยานี้หากสารละลายไม่ใสหรือมีสีปนเปื้อน
  • สวมปลอกยาทุกครั้งเมื่อไม่ได้เปิดใช้งาน
  • ปากกาสำหรับฉีดแต่ละด้ามให้ใช้กับคนไข้บุคคลเดียวเท่านั้น ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น แม้จะมีการเปลี่ยนหัวเข็มก็ตาม

หากท่านลืมฉีดยาและนึกขึ้นได้ภายใน 12 ชั่วโมงนับจากเวลาปกติที่ต้องฉีดอยู่เป็นประจำ ให้ฉีดยาทันทีที่นึกได้ แต่หากเลยเวลาที่ต้องฉีดนานเกินกว่า 12 ชั่วโมงแล้ว ท่านไม่ต้องฉีดยาย้อนหลังในครั้งที่ลืม โดยให้ทำการฉีดในเวลาปกติที่ฉีดเป็นประจำของวันถัดไปได้เลย และห้ามเพิ่มปริมาณขนาดยาเป็นสองเท่าในอีกวันเพื่อทดแทนเด็ดขาด

หัวข้อในบทความ

อ่านบทความล่าสุด

ผมร่วง มากแค่ไหน ที่เรียกว่าผิดปกติ ?

จมูกทะลุ

จมูกทะลุ เช็คก่อน ป้องกันได้ ด้วยการดูแลตัวเอง หลังเสริมจมูก

ผมบาง ทรงผม

รวม 5 เคล็ดลับแก้ ผมบาง และการออกแบบ ทรงผม โดยผู้เชี่ยวชาญ

รับสิทธิ์ส่วนลด 60% ทุกบริการ