แฟตสลายไขมัน

ฉีดเมโสแฟต สลายไขมันอันตรายไหม แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?

          เชื่อว่าปัญหาไขมันส่วนเกินเป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กังวลกับรูปลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ขาดความมั่นใจจนกลายเป็นคนเสียบุคลิกได้ แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยนวัตกรรมที่เรียกว่า เมโสแฟต การฉีดเมโสแฟตถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่อยากผ่าตัด โดยสามารถฉีดได้ตามจุดที่มีเซลลูไลท์เยอะเช่น ต้นแขน ต้นขา เหนียง แก้ม หน้าท้อง เป็นต้น

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

เมโสแฟต คืออะไร ?

Meso Fat หรือ Meso Lipolysis เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Lacitin ที่ได้จากถั่วเหลืองมีการออกฤทธิ์ช่วยในการทำให้ไขมันแตกตัว เปลี่ยนไขมันสีขาว ให้กลายเป็นไขมันสีน้ำตาล (ไขมันดี) และขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบบางชนิดที่ช่วยในการกระชับผิว ให้เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย และลดอาการบวมหลังฉีด ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือไขมันน้อยลง ผิวดูกระชับมากยิ่งขึ้น 

การฉีดแฟต จะนิยมฉีดเฉพาะจุด เช่น ลดแก้ม ลดเหนียง ลดต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง เพื่อลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวหนังกระชับไม่หย่อนคล้อย แต่ด้วยสารประกอบที่สกัดจากธรรมชาติทำให้ตัวยาสลายได้เร็ว ดังนั้นจึงต้องมีการฉีดอย่างสม่ำเสมอ หรือออกกำลังกาย และคุมอาหารควบคู่กันไป เพื่อผลลัพธ์หน้าเรียว หุ่นกระชับแบบปังๆ 

ดังนั้นการฉีดแฟตที่ดี คือ ฉีดเพื่อสลายไขมันแบบเร่งด่วนก่อนออกงาน หรือฉีดเพื่อลดไขมันในจุดที่ลดได้ยากอย่างเหนียง ต้นแขน หรือหน้าท้อง หากฉีดอย่างเดียว แต่ไม่มีการเบิร์นไขมันด้วยวิธีอื่น หรือคุมอาหาร เมื่อตัวยาหมดฤทธิ์ก็ต้องฉีดซ้ำเรื่อย ๆ นั่นเองค่ะ

ฉีดแฟต ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง ?

ถ้าถามว่าฉีดแฟตดีไหม คำตอบคงออกมาหลากหลาย เพราะหัตถการเมโสแฟตไม่ได้เหมาะกับทุกคน หากมีกล้ามเนื้อมาก กรามใหญ่ การฉีดโบท็อกก็จะเห็นผลมากกว่า เพราะตัวเมโสแฟตจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อมีไขมันสะสมเช่น มีไขมันตรงแก้ม ไขมันใต้คาง หรือเหนียง หลังฉีดจะให้ผลลัพธ์คือไขมันลดลง กรอบหน้าชัดขึ้น จึงเป็นคำตอบว่าทำไมบางคนได้ผล บางคนไม่เห็นผล นั่นเองค่ะ ซึ่งคนที่เหมาะกับการฉีดเมโสแฟตก็มีดังนี้

  • คนที่มีไขมัน เซลลูไลท์สะสม อยากลดไขมันเฉพาะจุด
  • คนที่อยากลดไขมันแต่ไม่อยากดูดไขมัน และไม่อยากผ่าตัด
  • คนที่ออกกำลังกายแล้วน้ำหนักลงยาก
  • คนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะเมโสแฟตฉีดเสร็จแล้วไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานต่อได้ตามปกติ

นอกจากนี้ก่อนฉีดแนะนำว่าให้แพทย์ประเมินให้ ว่าควรฉีดเมโสแฟตไหม หรือต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่จึงเห็นผล เพื่อให้คาดการณ์ระยะเวลาที่ได้ผลลัพธ์หลังฉีดแบบเต็มที่ได้ค่ะ

Meso Fat เหมาะกับใคร ?

  • คนที่มีไขมัน เซลลูไลท์สะสม อยากลดไขมันเฉพาะจุด
  • คนที่อยากลดไขมันแต่ไม่อยากดูดไขมัน และไม่อยากผ่าตัด
  • คนที่ออกกำลังกายแล้วน้ำหนักลงยาก
  • คนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะเมโสแฟตฉีดเสร็จแล้วไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานต่อได้ตามปกติ

การเตรียมตัวก่อนฉีด

ถึงแม้ว่าการฉีดเมโสแฟตจะเป็นหัตถการที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีข้อควรปฏิบัติและการเตรียมตัวก่อนฉีดดังนี้

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตมาก่อนอย่างรอบคอบ
  2. เข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาและขอคำแนะนำ ว่าควรฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมันที่บริเวณไหน อย่างไร
  3. งดยากลุ่ม แอสไพริน, NSAIDs และ Dipyridamol เป็นเวลา 48 ชั่วโมงก่อนฉีด

การดูแลตัวเองหลังฉีด

  1. หลังฉีดสามารถออกกำลังกายได้สัปดาห์ละ 2-3 วัน วันละ 30-45 นาที เพื่อเป็นการช่วยเผาผลาญไขมัน
  2. ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้สลายไขมันออกมาได้มากที่สุด อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
  3. งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
  4. หลังฉีดเมโสแฟตสลายไขมันไปแล้วสามารถทำหัตถการเกี่ยวกับการกระชับผิวหน้าได้ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อย

เมโสแฟต ช่วยอะไรบ้าง ?

จุดฉีดเมโสแฟต เมโสแฟตฉีดตรงไหนได้บ้าง
  • ลดเหนียง เหนียงเป็นการสะสมของไขมันบริเวณใต้คาง เมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และไม่ออกกำลังกายจึงทำให้เกิดชั้นไขมันบริเวณนั้น การฉีดเมโสแฟตจะช่วยให้ไขมันสลายไปได้บางส่วน แนะนำให้ทำควบคู่ไปกับการลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น

  • ลดแก้ม ผู้ที่มีไขมันบริเวณแก้มเยอะเกินใบอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน โดยสามารถฉีดแฟตสลายไขมันเพื่อช่วยลดแก้มได้ แต่ในบางกรณีปัญหาของคนที่มีแก้มใหญ่อาจไม่ได้มาจากชั้นไขมัน แต่เป็นเรื่องของกราม ในกรณีนี้จึงแนะนำให้แก้ปัญหาโดดยการใช้โบท็อกจะเห็นผลดีกว่า เพราะการฉีดเมโสแฟตนั้นจะช่วยสลายไขมัน ส่วนการฉีดโบท็อกจะชวยทำให้กล้ามเนื้อกระชับนั่นเอง

  • ต้นแขนและต้นขา เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มีปัญหาไขมันสะสม แต่ในการจะฉีดเมโสแฟตเพื่อลดไขมันบริเวณนี้นั้น ต้องดูก่อนว่าต้องการลดไขมันหรือลดกล้ามเนื้อ หากเป็นการลดไขมัน สลายเซลลูไลท์ ก็สามารถฉีดเมโสแฟตได้ แต่ถ้าหากต้องการลดกล้ามเนื้อ ก็ควรจะฉีดโบท็อกแทน แต่ถ้ามีไขมันสะสมมากเกินไป การฉีดเมโสแฟตอาจไม่คุ้มค่าที่จะทำ ควรดูดไขมันจะดีกว่า

  • ลดหน้าท้อง เมโสแฟตสามารถฉีดสลายไขมันหน้าท้องได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะลดไขมันบริเวณหน้าท้องนั้นควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและเลือกรับประทานอาหาร เพื่อให้ไขมันที่สลายไปแล้วไม่กลับมาสะสมได้ใหม่

ฉีดเมโสแฟตอยู่ได้นานกี่เดือน

          ผลลัพธ์ของเมโสแฟตโดยปกติแล้วจะสามารถอยู่ได้นาน 2-3 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังจากนั้นด้วย ถ้าหากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ทานอาหารที่มีไขมันมากเช่นของมันของทอด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น

เมโสแฟต ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาเมโสแฟตส่วนใหญ่จะขายแบบเหมาขวด เนื่องจากแฟตจะใช้ปริมาณการฉีดจำนวนหลาย cc ต่อการฉีด 1 จุด โดยราคาของ All About Clinic จะเริ่มที่ 3,000 บาท / 1 ขวด ปริมาณการจุจะอยู่ที่ 10 cc / ขวด (บางยี่ห้อมีความจุอยู่ที่ 11 cc) ซึ่งราคานี้เป็นราคาแบบที่ยังไม่ได้จัดโปรโมชั่น แนะนำว่าติดตามโปรทาง Line Official @aacthailand หรือในหน้าเว็บไซต์ โปรโมชั่น All About Clinic เพื่อไม่ให้พลาดโปรโมชั่นค่ะ

ข้อดีและข้อเสียของ meso fat

ข้อดี

  • ลดไขมันได้เฉพาะจุด หลังฉีดผิวหนังกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • ไม่ต้องทำการผ่าตัด และไม่ต้องมีการพักฟื้น
  • เห็นผลอย่างรวดเร็ว
  • ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะกับการสลายไขมันในปริมาณมาก ๆ
  • เมื่อเทียบกับการดูดไขมันจะเห็นผลช้ากว่า โดยจะเห็นผลหลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์

ฉีดแฟตกับดูดไขมัน แบบไหนดีกว่ากัน ?

การดูดไขมัน และฉีดแฟต เป็นหนึ่งในหัตถการกำจัดไขมันยอดนิยม โดยทั้งสองวิธีสามารถกำจัดไขมันได้เหมือนกัน แต่วิธีการและผลลัพธ์หลังทำจะให้ผลที่ไม่เหมือนกัน คือเมโสแฟตจะเน้นไปที่การสลายไขมันด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ แต่การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ใช้วิธีสอดท่อดูดไขมันขนาดเล็ก ทำการสลายและดูดไขมันที่ไม่จำเป็นออกมา หลังทำเห็นผลได้ทันที และเห็นปริมาณไขมันที่ถูกนำออกมาจากร่างกายได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีข้อแตกต่างอีกดังนี้

ฉีดแฟต กับ ดูดไขมัน

เมโสแฟต

  • ใช้ตัวยาที่สกัดจากธรรมชาติ
  • เห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด
  • ราคาไม่สูง
  • ใช้เวลา 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่ใช้ในการฉีด
  • เหมาะกับทำบริเวณใบหน้า หรือลำคอ ที่มีเส้นประสาทเยอะ

ข้อจำกัดและผลข้างเคียง

  • หากมีไขมันมากต้องฉีดปริมาณเยอะ และสม่ำเสมอ
  • ตอนฉีดอาจจะมีอาการแสบเล็กน้อย และหลังฉีดอาจจะพบอาการบวม แต่หายเองได้ภายใน 1-3 วัน

ดูดไขมัน

  • ใช้ท่อขนาดเล็กสอดเข้าไปและทำการดูดไขมันส่วนเกินออกมา
  • เห็นผลทันที
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • ใช้เวลานานประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • เหมาะกับบริเวณที่มีไขมันสะสมเยอะ เช่นหน้าท้อง เอว ต้นขา

ข้อจำกัดและผลข้างเคียง

  • หลังทำจะมีความบวมช้ำ ต้องพักฟื้นนาน นอกจากนี้ต้องเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง
  • หากแพทย์ไม่ชำนาญ เสี่ยงต่อการที่ผิวเป็นคลื่น และบุ๋มเฉพาะจุดได้

เมโสแฟตยี่ห้อไหนดี ที่เห็นผล และปลอดภัย

ฉีดเมโสแฟต ยี่ห้อไหนดี คงเป็นอีกคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย แต่ส่วนใหญ่ตัวยาและผลลัพธ์แต่ละยี่ห้อ จะไม่ได้ต่างกันมากแบบเห็นได้ชัด เพราะการทำงานของเมโสแฟตคือการฉีดเพื่อสลายไขมัน และการเห็นผลหลังฉีดได้ชัดเจนแบบว้าวเลยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้ คือ

  • จุดที่ฉีด
  • ปริมาณตัวยาที่ใช้
  • การออกกำลังกาย หรือคุมอาหารควบคู่กันไป

ทั้งนี้ ยี่ห้อเมโสแฟตแต่ละตัวอาจจะมีจุดเด่นหรือข้อจำกัดเล็กน้อยที่ต่างกันออกไปบ้าง โดยเราจะพาไปดูว่ายี่ห้อไหนที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมีจุดเด่นอย่างไร

Miracle B Plus

สำหรับแฟต Miracle B Plus เป็นแฟตสัญชาติเกาหลี ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากธรรมชาติถึง 6 ชนิด ที่มีฤทธิ์ช่วยในการเผาผลาญ และขจัดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง สามารถฉีดได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือตัว ข้อดีของแฟตยี่ห้อนี้คือสามารถฉีดได้บ่อย เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติล้วน ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี

อีกทั้งยังมีส่วนผสมจากใบบัวบกที่ช่วยในการยกกระชับหลังสลายไขมันอีกด้วย

จุดเด่นของแฟต miracle b plus

ส่วนผสม

WHEAT GERM 

  • Wheat Germ สารสกัดจากข้าวบาเล่ย์ ที่มีทำการสกัดจนได้โปรตีน Lectin ออกมา โดยโปรตีนนี้จะทำงานร่วมกับระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยในการเปลี่ยนไขมันสีขาวให้กลายเป็นไขมันสีน้ำตาล (ไขมันดีที่ช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่)

LECITHIN 

  • เลซิตินเป็นสารสกัดที่พบได้ในธัญพืชตะกูลถั่ว มีส่วนช่วยให้ลำไส้ลดการดูดซึมไขมันโคเลสเตอรอล ทำให้มีการขับถ่ายไขมัน หรือโคเลสเตอรอลออกมาทางอุจจาระมากขึ้น ส่งผลให้ระดับคอลเลสเตอรอลในเส้นเลือดลดลง

CENTELLA ASIATICA

  • สารสกัดจากใบบัวบก ที่ช่วยในการลดอาการบวมช้ำ ฟื้นฟูคอลลาเจนช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวหลังฉีดกระชับขึ้น และยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการสร้างเซลลูไลท์ใหม่

Chamomilla Recutita Extract 

  • สารสกัดจากดอกคาโมไมล์ ช่วยในการลดการอักเสบของผิว ลดอาการบวม ระคายเคือง ช่วยในการลำเลียงสารสกัดที่จำเป็นลงในชั้นผิวหนัง และยังช่วยให้ผิวแข็งแรง มีความชุ่มชื้นอีกด้วย

Methylsilanol Mannuronate 

  • สารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล ที่ช่วยในการยกกระชับ ให้ผิวมีความเฟิร์ม ช่วยเผาผลาญเซลลูไลท์ใต้ผิว

Scutellaria Baicalensis Root Extract 

  • สารสกัดบริสุทธิ์จากรากสคิวราเลีย (สมุนไพรจากจีน) ช่วยในการปลอบประโลม เพิ่มความยืดหยุ่นและทำให้ผิวมีความแน่น กระชับมากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของ Miracle B Plus

  • เหมาะกับฉีดสลายไขมันได้ทุกส่วน
  • ไม่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย
  • สลายไขมันได้อย่างปลอดภัย ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

BABI Neo One

เมโสแฟตจากเกาหลียี่ห้อ BABI Neo One เป็นแฟตที่หลาย ๆ คลินิกได้นำเข้ามาให้บริการ ด้วยตัวยาที่มีการผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ที่ช่วยในการย่อยสลายไขมัน ยกกระชับผิว และต้านการเกิดริ้วรอย

แฟต babi neo one

ส่วนผสม

Bromelain

  • เอมไซน์ที่สกัดจากแกนกลางสัปปะรด ช่วยในการปรับสมดุลผิว ลดอักเสบ และช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ไม่หย่อยคล้อยเกิดริ้วรอยง่าย

WHEAT GERM 

  • สารสกัดจากจมูกข้าวสาลี ที่ช่วยในการสลายโปรคีน และย่อยไขมันบริเวณผิวชั้นนอก 

Chamomilla Recutita Extract 

  • ช่วยลดอักเสบ ผิวบวมแดง ทำให้ผิวมีความกระชับมากยิ่งขึ้น

Salvia Miltiorrhiza Root Extract

  • สารสกัดที่ได้จากตังเซียม ช่วยในการปลอบประโลมผิวที่มีการอักเสบ 

Acetyl Hexapeptide-8

  • เปปไทด์ที่ช่วยในการลดการยึดตัวของกล้ามเนื้อ ที่เป็นสาเหตุของรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า

Multi Peptide

  • โปรตีนที่ช่วยในการบำรุงและฟื้นฟูผิว ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความกระชับให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ทำให้ฟิวมีความอิ่มฟู รูขุมขนกระชับ

จุดเด่น

  • เคลมในเรื่องการสลายไขมันได้เป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับแฟตรุ่นก่อน
  • ฉีด 1 ครั้งได้ผลเทียบเท่ากับฉีด 2 ครั้ง
  • หลังฉีดผิวมีความกระชับ ไม่หย่อยคล้อยหลังหมดฤทธิ์ยา
  • แสบน้อยกว่ายี่ห้ออื่น

Diamond FAT

นวัตกรรมเมโสแฟต ที่มีการผสมผสานชีวโมเลกุลจากกรดอะมิโนจำเป็น 17 ชนิด และมีคาร์นิทีนที่มีงานวิจัยว่าช่วยในการสลายไขมันไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของอาร์จิลีนที่ช่วยให้ผิวมีความกระชับ พร้อมกับสารสกัดอีกมากมาย ที่ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดนั้น ผิวดูกระชับขึ้น ลดการสะสมของไขมัน

ส่วนผสม

Amino Acid 17 ชนิด

  • กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายรวม 17 ชนิด

Carnitine

  • แอลคานิทีน ช่วยในการเผาผลาญไขมัน 

Argireline

  • ทำหน้าที่ในการช่วยยกกระชับผิว ช่วยให้ชั้นผิวที่มีริ้วรอยคลายตัว 

Betula Alba Leaf Extract

  • เร่งกระบวนการเผาผลาญไขมัน และกำจัดของเสียออกจากร่างกาย

Aesculus Hippocastanum

  • ช่วยในการไหลเวียนของเส้นเลือด ลดโอกาสเกิดไขมันในเลือด 

Junlans Regia

  • สารสกัดที่มีวิตามินอีและแร่ธาตุจำเป็น ช่วยในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

Ophiopogon Japonicus Foot Extract

  • ช่วยในการเสริมสร้างชั้นผิว Skin Barrier ให้แข็งแรง

จุดเด่น

  • ออกฤทธิ์เผาผลาญหลังฉีดต่อเนื่องนาน 3-5 วัน
  • ช่วยให้ผิวมีความกระชับและเสริมสร้างความแข็งแรง
  • ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เพราะไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ คาเฟอีน หรือ ฟอสฟาติดิลโคลีน
  • ลดโอกาสเกิดการดื้อยา และเห็นผลในกลุ่มคนที่ฉีดยี่ห้ออื่นมาแล้วไม่ได้ผล

ฉีดแฟต อันตรายไหม ?

การเลือกฉีดเมโสแฟตให้ปลอดภัยนอกจากการเลือกฉีดด้วยยาแท้ ที่ผ่าน อย. แล้ว ต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด และแพทย์มีความชำนาญ จึงจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในเรื่องของเครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะตัวยาแฟต ถ้าเป็นยาแท้ที่ผ่านนำเข้ามาอย่างถูกต้องก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เนื่องจากในส่วนประกอบจะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติเป็นหลัก 

 

ยกเว้นในผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่ว , ข้าวสาลี หรือไม่ว่าแพ้อะไรก็ตาม แนะนำว่าให้ทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือแพทย์ที่ทำหัตถการก่อนทุกครั้ง เพราะบางยี่ห้อจะมีสารสกัดจากพืชตระกูลถั่ว,ข้าวสาลี และสารสกัดอีกหลายชนิด ดังนั้นแนะนำว่าในการซักประวัติหากมีประวัติแพ้อะไรให้ระบุให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยก่อนทำหัตถการค่ะ

รีวิวแฟตแก้ม
รีวิวแฟตแก้ม
รีวิวแฟตเหนียง

เมโสแฟต vs โบท็อก ต่างกันอย่างไร ฉีดตัวไหนหน้าเรียวกว่ากัน ?

ฉีดแฟต หรือ โบท็อก ดีกว่ากัน ? คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ ท่านสงสัย เพราะหัตถการทั้งสองต่างก็มีส่วนช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้นเหมือนกัน และราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก ซึ่งเราก็จะมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันง่ายขึ้น ตามตารางด้านล่างนี้ค่ะ

เมโสแฟต กับโบท็อก

เมโสแฟต

  • สารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ช่วยในการสลายไขมัน กระชับผิว
  • ช่วยในการสลายไขมันแบบเร่งด่วน
  • ออกฤทธิ์ 1-2 เดือน
  • เหมาะกับคนที่มีไขมันเยอะ เน้นลดไขมันแบบเร่งด่วน

ฉีดจุดไหนได้บ้าง

  • เหนียงใต้คาง
  • แก้ม
  • แขน
  • พุง
  • ต้นขา
  • บริเวณอื่นๆ ที่มีชั้นไขมันเยอะ

ผลลัพธ์หลังฉีด

  • หลังฉีดไขมันจะเริ่มยุบลง 5-7 วัน และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 2-3 สัปดาห์
  • โดยหลังฉีดหากต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร แนะนำทำควบคู่ไปกับการคุมอาหารและออกกำลังกายค่ะ

ความถี่ในการฉีด

สามารถฉีดได้ต่อเนื่อง ทุก 1 สัปดาห์ จนกว่าเปอร์เซ็นต์ไขมันจะน้อยลงตามความพอใจ

โบท็อก

  • สารสกัดโปรตีน Botulinum toxin A
  • ช่วยหยุดการทำงานของเซลล์ปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงาน และคลายตัวชั่วขณะ
  • ออกฤทธิ์ 4-6 เดือน
  • เหมาะกับคนที่มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ หรือต้องการลดริ้วรอยเหี่ยวย่น

ฉีดจุดไหนได้บ้าง

  • ริ้วรอยทั่วหน้า
  • กราม
  • กรอบหน้า
  • ขา , น่อง 
  • รักแร้

ผลลัพธ์หลังฉีด

  • เริ่มเห็นผลหลังฉีด 3-4 วัน

  • กล้ามเนื้อที่ฉีดจะเริ่มตึง เนื่องจากตัวยาทำให้ขยับกล้ามเนื้อได้น้อยลง หลังฉีด 1 อาทิตย์หน้าจะดูเรียวลงชัดเจน

ความถี่ในการฉีด

ทุก 4-6 เดือน

รวมหัตถการหน้าเล็ก เรียว ที่ทำครั้งเดียวได้ผลชัดเจน

หนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนหน้าบาน หน้าใหญ่ อยากให้ใบหน้าเล็ก กรอบหน้าชัด เราจะพาไปดูกันว่าหัตถการใดบ้างที่ช่วยให้ใบหน้าดูเล็ก เรียวขึ้นได้แบบชัดเจน และเห็นผลนาน โดยหัตถการที่ควรทำมีดังนี้

หน้าเรียวต้องทำอะไรบ้าง

1. ฉีดแฟต

เห็นผลชัดกันสุดๆ สำหรับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณกรอบหน้า หรือแก้ม เพราะตัวยาแฟตจะช่วยในการสลายไขมันส่วนเกินไม่จำเป็นออกไป ทำให้ไขมันหาย หน้าเล็กลงอีกระดับ

2. โบท็อก

โบท็อกกราม เป็นหัตถการที่ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามคลายตัวและหยุดการทำงาน กล้ามเนื้อจึงเล็กลง กรามหาย หน้าดูเรียวขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถฉีดโบท็อกบริเวณกรอบหน้า เพื่อทำให้กรอบหน้าชัดขึ้นได้อีกด้วย โดยโบท็อกนิยมทำคู่กับฉีดเมโสแฟตค่ะ

อ่านเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อกกราม ราคาเท่าไหร่ ต้องใช้กี่ยูนิต จึงช่วยให้หน้าเรียวขึ้น

3. ร้อยไหม

การร้อยไหม เป็นหัตถการที่ช่วยได้ทั้งในเรื่องของหน้าเล็ก และการลดอายุให้ดูหน้าเด็ก เนื่องจากพออายุมากขึ้น คอลลาเจนใต้ผิวจะลดลง ทำให้ผิวหย่อยคล้อย หน้าแก้มห้อย ดูมีอายุ และหน้าใหญ่ขึ้น การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อยคล้อยดูเต่งตึง ทำให้ใบหน้าเล็กลง

4. Hifu (การยกกระชับ)

การทำหัตถการกลุ่มยกกระชับไม่ว่าจะเป็น Hifu / Ultraformer ||| / Ulthera จะเห็นผลได้ในเรื่องของผิวกระชับ และมีการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง โดยตัวเครื่องจะทำความร้อนใต้ผิว หลังทำประมาณ 1 เดือนผิวหน้าจะเริ่มกระชับขึ้น เห็นผลเต็มที่ 6-12 เดือน แนะนำว่าเป็นหัตถการที่ควรทำซ้ำทุก 2-3 ครั้ง / ปี เพื่อผลลัพธ์ระยะยาว

5. ฟิลเลอร์

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ใบหน้าดูใหญ่ขึ้น แต่จริง ๆ แล้วการฉีดกับหมอที่มีฝีมือจะทำให้ใบหน้าดูเล็กลงได้ เพราะตัวฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มใบหน้าให้ได้รูป เช่น ฉีดฟิลเลอร์คาง จะทำให้หน้าที่ดูสั้น บานออกด้านข้างละมุนมากยิ่งขึ้น หรือการฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า จะทำให้ผิวที่หย่อยคล้อยยกตัวขึ้น ทำให้หน้าเด็กลง

อ่านเพิ่มเติม : ทำความรู้จักกับ ฟิลเลอร์ สารเติมเต็มร่องลึก ยี่ห้อไหนเหมาะฉีดจุดไหนบ้าง

6. ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

สำหรับคนที่มีปัญหาแก้มป่อง แก้มเยอะ ลดน้ำหนักหรือฉีดแฟตแล้ว แก้มยังไม่ลง การตัดไขมันกระพุ้งแก้มจะช่วยให้หน้าเรียวขึ้นได้ เพราะไขมันบริเวณกระพุ้งแก้มเป็นไขมันในชั้นลึก ที่อยู่ใกล้กับกระพุ้งแก้มทำให้ลดได้ยาก ดังนั้นการผ่าตัดเพื่อนำไขมันกระพุ้งแก้มออกจะตอบโจทย์มากกว่า

คำถามที่พบบ่อย

โดยทั่วไปการฉีดเมโสแฟตในช่วงแรกไขมันจะเริ่มสลายไปประมาณ 10–15 % และจะค่อยๆ สลายตัวไปเรื่อยๆ โดยจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจนในระยะเวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์หลังฉีด แต่สัดส่วนบริเวณที่ฉีดจะลดมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคลและแต่ละจุดด้วยค่ะ

โดยปกติแล้วการฉีดเมโสแฟตครั้งแรกนั้น จะต้องกลับมาฉีดซ้ำอีกครั้งภายใน 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ด้วยว่าในแต่ละเคสควรฉีดเมโสแฟตปริมาณเท่าไหร่จึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน และแพทย์จะเป็นผู้แบ่งจำนวนครั้งที่ต้องมาฉีดว่าครั้งหนึ่งจะต้องฉีดกี่เข็ม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันที่ถูกสลายโดยการแตกตัว จะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง และขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งหลังจากที่ฉีดแฟตไปแล้ว ขอแนะนำให้ดื่มน้ำตามปริมาณมากๆ ประมาณวันละ 1-2 ลิตรค่ะ

  1. ผู้หญิงตั้งครรภ์
  2. คุณแม่ให้นมบุตร
  3. ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  4. คนที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์
  5. ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด

ฉีดเมโสแฟตและร้อยไหม สามารถทำพร้อมกันได้ แต่อาจจะบางกรณีที่คนไข้มีแก้มเยอะ แพทย์อาจจะพิจารณาให้ฉีดเมโสแฟตให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยกลับมาร้อยไหมเพื่อยกกระชับหน้าอีกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

เมื่อฉีดแฟตไปแล้ว ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจจะทำให้อาการบวมหายช้า และควรทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายขจัดหรือสลายไขมันได้ดี Meso Fat ก็จะมีประสิทธิภาพและได้ผลดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ

เมโสแฟตเป็นการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังเพื่อช่วยสลายไขมัน ทำให้บริเวณที่ถูกฉีดดูเล็กลง ส่วนโบท็อกเป็นการฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อหดตัวและมีขนาดเล็กลง ทั้งสองอย่างเป็นหัตถการที่ช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวและช่วยให้ส่วนอื่น ๆ ดูเล็กลงได้เช่นกัน

หลังจากฉีดเมโสแฟต จะมีอาการบวมจากปริมาณยาที่ฉีดเข้าไป ซึ่งยาจะค่อยๆ ซึม และยุบใน 3-4 ชั่วโมง โดยอาจมีจะบางรายที่อาการบวมประมาณ 1-3 วันได้เช่นกันค่ะ