ศัลยกรรม ปาก
Home » รวม 7 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำศัลยกรรม ปาก มีอะไรที่ควรรู้บ้าง

รวม 7 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำ ศัลยกรรม ปาก มีอะไรที่ควรรู้บ้าง

การทำ ศัลยกรรม ปาก เป็นหนึ่งหัตถการที่จะช่วยตกแต่งและปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ตามแต่ละปัญหาที่อยากแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาปากคว่ำ ปากบางหรือปากหนาเกินไป ปากไม่ได้รูป เพื่อปรับแต่งให้รูปทรงริมฝีปากดูสวยขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเสน่ห์ให้รอยยิ้ม ให้ดูโดดเด่น และเพิ่มความมั่นใจให้กับรูปหน้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยเพิ่มโอกาสดีๆ ให้เข้ามาในชีวิตมากขึ้นด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงปาก หรือทำ ปากกระจับ เราขอแนะนำให้ท่านศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากบทความนี้ของเราก่อนการตัดสินใจทำ เพื่อให้ได้รูปทรงที่เหมาะสม และเข้ากับรูปหน้าของแต่ละคนมากที่สุด

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

ศัลยกรรม ปาก คืออะไร

ศัลยกรรม ปาก คือ การผ่าตัดตกแต่งหรือการปรับแก้ไขรูปทรงริมฝีปากให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและสวยงามมากขึ้น โดยจะสามารถทำได้ทั้งปากบนและปากล่าง รวมไปถึงบริเวณรอบขอบปาก มุมปาก หรือร่องปาก ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาตามความเหมาะสมของริมฝีปากของคนไข้แต่ละคน ว่าเหมาะสมที่จะทำการแก้ไขอย่างไร เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและตรงตามความต้องการของคนไข้มากที่สุด รวมถึงเพื่อส่งเสริมให้ใบหน้าดูโดดเด่น มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม

แนะนำ 7 เรื่องควรรู้ก่อนทำศัลยกรรม ปาก ให้สวยเป็นธรรมชาติ

1. การทำศัลยกรรมปากมีกี่ประเภท

รูปแบบการทำศัลยกรรมปากสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  • การแก้ไขปัญหารูปปากที่ผิดปกติ

ปัญหาริมฝีปากที่ผิดปกติไม่ได้สัดส่วน เช่น มุมปากตก ปากคว่ำ ปากเบี้ยว หรือมุมปากไม่ได้องศา ผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้เวลาไม่ยิ้มจะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูบึ้ง ดูเศร้า ไม่เป็นมิตร โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดยกมุมปากให้สูงขึ้น จะช่วยทำให้ปากดูสมส่วนรับกับใบหน้า และหน้าตาดูอ่อนหวาน น่ามองมากขึ้น

  • การทำปากบาง

การทำปากบางจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปากหนา ปากห้อย ปากใหญ่ โดยแพทย์จะทำการตัดแต่งริมฝีบากให้บางลง แล้วเย็บด้วยไหมละลาย ซึ่งการผ่าตัดรูปแบบนี้จะไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็น เนื่องจากแผลผ่าตัดจะอยู่ด้านในริมฝีปาก

  • การทำปากกระจับ 

เป็นการทำศัลยกรรมปากที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากได้รูปสวยรับกับใบหน้า โดยรูปทรงของปากกระจับจะมีความโค้งเรียวสวยคล้ายกับผลกระจับ และมุมปากจะยกขึ้นคล้ายปีกนก หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปากปีกนก นั่นเอง ทรงปากนี้จะทำให้ดูอ่อนหวาน และมีเสน่ห์มากขึ้น

2. ทำปากกระจับ มีเทคนิคแบบไหนบ้าง

วิธีการทำปากให้ได้รูปทรงกระจับ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ

  • การผ่าตัดปากกระจับ

เทคนิคการผ่าตัดปากกระจับจะให้ผลลัพธ์ที่ถาวร เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อริมฝีปากมากๆ และต้องการตัดเนื้อส่วนเกินออกไป เพื่อให้ได้ทรงปากที่สวยงามมากขึ้น แต่การทำด้วยวิธีนี้ก็จะมีความเสี่ยงมาก จำเป็นต้องผ่าตัดกับแพทย์ที่มีความชำนาญ เนื่องจากต้องระวังไม่ให้ผ่าไปโดนเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่สำคัญที่ใช้ในการพูดและการเคลื่อนไหวของปาก และหากทำออกมาไม่ดีจะแก้ไขได้ยาก

  • การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ

วิธีการทำปากกระจับด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไปเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยปรับทรงปากให้สวยและดูเป็นธรรมชาติมาก เหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากบาง เนื้อไม่หนามาก ถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะไม่อยู่ถาวร แต่ก็สามารถฉีดซ้ำได้เรื่อยๆ และมีความปลอดภัยสูง หากไม่พอใจผลลัพธ์ก็สามารถฉีดสลายได้ 

ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์

3. ปากแบบไหนที่เหมาะกับการทำปากกระจับ

  • ผู้ที่มีปากหนา ปากบนใหญ่ ดูไม่เป็นทรง สามารถปรับแต่งให้เนื้อปากบางลง และเป็นทรงกระจับมากขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาปากห้อยได้ด้วย
  • ผู้ที่มีปากบาง หรือเนื้อปากไม่หนาเกินไป สามารถทำให้เป็นทรงมากขึ้นได้ แต่ไม่ควรตัดเนื้อริมฝีปากออกมากเกินไป เพราะจะทำให้ริมฝีปากปิดไม่สนิท ต้องออกแบบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ผู้ที่มีปากคว่ำ หรือมุมปากตก สามารถยกมุมปากขึ้นให้เป็นกระจับได้
  • ผู้ที่มีริมฝีปากไม่เท่ากัน สามารถทำศัลยกรรมผ่าตัดเพื่อแก้ไขได้ แต่ต้องให้แพทย์ทำการประเมินก่อนว่าต้องมีการผ่าตัดอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือไม่

4. ข้อห้ามของการทำปากกระจับ

กลุ่มคนที่มีภาวะดังต่อไปนี้ ไม่ควรทำศัลยกรรมปากกระจับ

  • ผู้ที่มีภาวะปากบวมใหญ่หลอก (Pseudo Macrocheilia) ซึ่งจะมีอาการคล้ายเป็นภาวะปากบวมใหญ่ แต่จะไม่ได้ป่วยด้วยภาวะนี้จริงๆ
  • ผู้ที่มีภาวะปากอักเสบอย่างรุนแรง เนื่องจากอาจจะทำให้การผ่าตัดยากขึ้น หรืออาจจะต้องทำซ้ำหลายครั้ง
  • ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างรักษาสุขภาพภายในช่องปาก เช่น การดัดฟัน รักษาเหงือกอักเสบ
  • ผู้ที่มีสภาพจิตใจไม่มั่นคง เนื่องจากการผ่าตัดศัลยกรรมอาจส่งผลกระทบต่อสภาวะทางจิตใจของคนไข้ได้

5. หลังทำปากกระจับกี่วันเห็นผล

หากทำปากกระจับด้วยการผ่าตัดจะใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานเพื่อให้แผลได้สมานกัน ซึ่งจะเข้าที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 1 เดือน ส่วนการทำปากด้วยการฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์ทรงปากทันทีหลังฉีด แต่อาจจะมีอาการบวมเล็กน้อย โดยจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์

ข้อควรรู้ก่อนทำศัลยกรรมปาก

6. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • ก่อนวันผ่าตัด 7-10 วัน ให้งดยาแก้ปวดกลุ่ม Aspirin
  • แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือยาและอาหารเสริมที่กำลังรับประทานอยู่
  • 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด ให้งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด วิตามินกลุ่ม เอ อี ซี และสมุนไพร น้ำมันปลา 
  • ให้คนไข้ดูแลช่องปากให้สะอาด และบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นก่อนการผ่าตัด เพื่อเป็นตัวช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด

7. การดูแลรักษาหลังการทำปาก

ข้อปฏิบัติหลังการทำปากจะแบ่งออกตามเทคนิคที่เลือกใช้ โดยมีดังนี้

  • การดูแลหลังผ่าตัด

ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดและความชื้นบริเวณแผลผ่าตัดเป็นพิเศษ โดยต้องระวังทั้งการพูด การขยับปาก การทานอาหาร เพื่อให้แผลได้สมานตัวเร็ว และเพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อหรืออักเสบได้ง่าย

  • การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์

ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่คนไข้ก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่กด บีบ นวด หรือสัมผัสบริเวณริมฝีปาก เนื่องจากจะทำให้ปากผิดรูปทรงได้ และควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น นอกจากนี้หากมีอาการบวม ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ อาการเหล่านั้นจะค่อยๆ หายไปเอง

ปรึกษาคุณหมอ สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)
ปรึกษาคุณหมอ
สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)

ทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม ปาก กันไปแล้ว ซึ่งการทำศัลยกรรมนี้จะช่วยทำให้มีริมฝีปากที่เป็นทรงสวยมากขึ้น และยังช่วยส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูดีและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งหากท่านอยากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าพึงพอใจ จะต้องได้รับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจอยากทำศัลยกรรมปาก สามารถเข้ารับคำแนะนำกับเราได้ที่ All About Clinic 

หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศัลยกรรมอื่นๆ เช่น เสริมจมูก เสริมคาง ตาสองชั้น โบท็อกซ์ และ ปลูกผม สามารถทักมาปรึกษาได้ที่ : Line @AACCENTER ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ