เล็บขบเป็นหนอง คือ โรคเล็บชนิดหนึ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่มีภาวะเล็บขบเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ที่ไม่เคยเป็นไม่มีทางรู้หรือเข้าใจความเจ็บปวดความทรมานนี้แน่ ๆ และยิ่งหากถึงขั้นรุนแรงเล็บมีการอักเสบ เล็บขบเป็นหนอง ยิ่งปวดหนักเป็นสองเท่า หรือบางคนที่เป็นหนัก ๆ อาจจะถึงขั้นต้องถอดเล็บออกกันเลยก็ว่าได้ และอาการเจ็บปวดยังสร้างความรบกวนในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย ทั้งการเดินที่ต้องทนเจ็บ บุคลิกภาพของเท้าหรือเล็บไม่สวยงาม หลาย ๆ คนจึงต้องรีบหาวิธีรักษาเล็บขบ เพื่อไม่ให้เกิดอาการติดเชื้อขั้นรุนแรงไปมากกว่านี้ และก็คงไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้วนะคะ เพราะเราได้นำเทคนิคการรักษาเล็บขบมาให้แล้ว ตามไปอ่านในบทความนี้กันได้เลย
เล็บขบ หรือเล็บคุด คือ เล็บที่งอกขึ้นมาใหม่แล้วไปเบียดกับเนื้อข้างเล็บ หรือปลายเล็บจิกเข้าไปในซอกเล็บจนทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดอาการบวม แดง เจ็บ และหากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาก็อาจจะทำให้ติดเชื้อ เนื้องอกบวมมากขึ้น และมีหนองไหลออกมาได้
สาเหตุหลัก ๆ ที่มักทำให้เกิดเล็บขบ คือ การตัดเล็บที่สั้นมากเกินไป การใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่แน่นและคับมากจนเกินไป ส่งผลให้เล็บเท้าถูกกดทับ การอุบัติเหตุกับเล็บ ทั้งการถูกสิ่งของที่มีน้ำหนักตกใส่ การเล่นกีฬาที่ใช้เท้าจนกระทบต่อกระดูกนิ้วเท้า การไม่ดูแลความสะอาดของเท้า รวมถึงอาจจะเกิดจากลักษณะเล็บเท้าที่ผิดปกติจากพันธุกรรมได้เช่นกัน
อาการในช่วงแรก ๆ ของผู้ที่เป็นเล็บขบมักจะมีอาการปวดที่นิ้ว และจะมีอาการบวมแดงรวบ ๆ ผิวหนังของเล็บ ซึ่งจะรู้สึกเจ็บมากขึ้นเวลาเดิน รวมถึงอาจจะพบอาการลักษณะอื่น ๆ ที่รุนแรงมากขึ้นร่วมด้วย ได้แก่
การรักษาเล็บขบจะมีทั้งแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด ซึ่งหากยังมีอาการไม่รุนแรง หรือสังเกตเห็นตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ควรรีบรักษานะคะ และถ้ามีการรักษาอย่างถูกวิธีแล้วละก็จะสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือไม่ต้องถอดเล็บกันเลยนะคะ โดยมี 5 วิธีรักษาเล็บคุด ดังนี้
ผู้ที่เป็นเล็บขบแนะนำให้แช่ในน้ำเปล่าหรือน้ำเกลืออุ่น ๆ ประมาณ 15-20 นาที อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดอาการบวม หลังแช่ในน้ำอุ่นให้เช็ดมือและเท้าให้แห้งอยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็บ จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในซอกเล็บได้ พร้อมทั้งหมั่นดูแลความสะอาดเล็บอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
การตัดเล็บเท้าจะไม่เหมือนกับการตัดเล็บมือ ซึ่งมีวิธีการตัดเล็บที่ถูกต้อง คือ
รักษาเล็บขบด้วยการเลือกรองเท้าที่ขนาดพอดีและระบายอากาศได้ดี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่งการสวมรองเท้าที่มีความยาวพอดีกับเท้า ไม่สั้น หรือหน้าแคบเกินไป รวมทั้งถุงเท้าที่ไม่บีบรัดเท้ามากเกินไป จะช่วยลดการกดทับนิ้วได้นั่นเอง และเพื่อไม่ให้เท้ามีเหงื่อหรือความชื้นสะสมระหว่างวันขณะทำงาน แนะนำให้ถอดรองเท้า หรือสวมรองเท้าแตะ เพื่อลดการอับชื้น และควรหลีกเลี่ยงรองเท้าที่บีบรัดเท้าหรือทำให้เจ็บเล็บขบมากขึ้น อย่างเช่น รองเท้าส้นสูง เป็นต้น
ผู้ป่วยที่เป็นเล็บขบที่มีอาการเป็นหนองหรือมีการติดเชื้อ แพทย์จะแนะนำยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนิซิล เช่น Dicloxacillin หรือยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เช่น Fucidin Cream เพื่อลดอาการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อ หรือหากเป็นผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงบริเวณเล็บขบมากนัก จะสามารถใช้สเปรย์ยาชาเฉพาะที่ในกลุ่ม Ethyl Chloride ฉีดพ่นเพื่อลดอาการปวด หรือใช้ยาแก้ปวดพาราเซตามอล หรือยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ช่วยลดปวด บวม อักเสบ โดยจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีเล็บขบเป็นหนองขั้นรุนแรง ซึ่งจะมีอาการอักเสบบริเวณเล็บขบมากขึ้น ทั้งบวม เจ็บ มีหนอง มีเลือดออก แสดงว่ามีอาการติดเชื้อแล้ว เราขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาจะดีกว่า โดยการรักษาแพทย์อาจจะทำการผ่าตัดนำบางส่วนของเล็บที่ติดเชื้อออก หรือเนื้อบางส่วนที่บวมเบียดเล็บออกด้วย ซึ่งเล็บติดเชื้อที่ถอดออกอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน เล็บจึงจะงอกกลับมาใหม่อย่างสมบูรณ์
หากท่านใดมีอาการเล็บขบเป็นหนอง ต้องการรักษาปัญหากวนใจ บรรเทาความเจ็บปวด และต้องการรักษาให้หายขาด สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ All About Clinic ของเราได้ โดยที่คลินิกของเรามีโปรแกรมการรักษาเล็บขบด้วยเทคนิคเฉพาะของหมอพอล พร้อมด้วยตัวยาที่ได้รับการรับรองว่าสามารถรักษาปัญหาเล็บขบให้หายถาวรได้อย่างมั่นใจ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : Line @AACTHAILAND ค่ะ
อ่านบทความล่าสุด
รับสิทธิ์ส่วนลด 60% ทุกบริการ