เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่าสาเหตุการเกิดเล็บขบที่มักพบได้บ่อยมาจากการที่เราตัดเล็บสั้นจนเกินไป ซึ่งสามารถเกิดเล็บขบได้ทั้งนิ้วมือและนิ้วเท้า โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดที่นิ้วหัวแม่เท้า รวมทั้งการใส่ถุงเท้าที่รัดแน่น และการสวมรองเท้าที่คับจนทำให้เกิดการกดทับเล็บเท้า ส่งผลให้นิ้วเท้าได้รับบาดเจ็บ มีอาการบวม แดง หรืออาจจะเกิดการติดเชื้อจนมีหนองขึ้นได้ ไม่เพียงเท่านี้การที่เราไม่ได้ดูแลสุขอนามัยของเท้าก็อาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและติดเชื้อได้ง่ายด้วย
ถ้าหากใครไม่อยากทรมานจากการเจ็บปวดก็ต้องหา วิธีแก้เล็บขบ เพื่อช่วยบรรเทาอาการ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ต้องรู้จักสังเกตอาการของเล็บขบตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรักษาและป้องกันไว้ก่อนที่จะรุนแรง วันนี้เรา All About Clinic จึงจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักวิธีการสังเกตเท้าของตัวเองเบื้องต้นว่าใช่อาการเล็บขบหรือไม่ จะเป็นยังไงไปดูกันเลย
หากเกิดความสงสัยว่านิ้วเท้าของเราที่ได้รับบาดเจ็บและรู้สึกปวดจะมีอาการของเล็บขบหรือไม่ สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะหาวิธีแก้เล็บขบได้อย่างโดยด่วน โดยมีดังนี้
ให้สังเกตดูว่านิ้วเท้ามีอาการบวมหรือไม่ เพราะเล็บขบมักจะทำให้เนื้อหรือผิวหนังบริเวณข้าง ๆ เล็บบวมนูนขึ้นมา โดยสามารถสังเกตง่าย ๆ ด้วยการเปรียบเทียบนิ้วเท้าทั้งสองข้าง หรือเทียบกับนิ้วอื่น ๆ ดูว่ามีอาการบวมมากกว่าปกติแตกต่างจากนิ้วอื่นไหม
สามารถลองจับบริเวณนิ้วที่สงสัยว่าเป็นเล็บขบ เพราะถ้าจับแล้วมีอาการเจ็บ หรือแตะแล้วปวดมาก หรือเอานิ้วกดลงไปบริเวณผิวเนื้อรอบ ๆ เล็บแล้วเจ็บมาก ๆ หรือแตะเบา ๆ ก็ไวต่อความรู้สึก ก็อาจจะเริ่มมีอาการของเล็บขบแล้ว สามารถนำกรรไกรมาตัดเล็บส่วนเกินออกได้ ซึ่งบางครั้งอาการบวมของเล็บขบนี้อาจจะมีหนองออกมานิดหน่อย ก็จะทำให้สังเกตได้ง่ายขึ้น
หากสังเกตเห็นเล็บไม่ค่อยชัด หรือไม่เห็นมุมของเล็บด้านบน ก็ถือว่าเริ่มเป็นเล็บขบแล้ว เพราะอาการของเล็บขบจะทำให้เล็บจิกเข้าไปในเนื้อบริเวณข้าง ๆ หรือเนื้อด้านข้างอาจจะบวมขึ้นมา จนทำให้หาขอบของเล็บไม่ค่อยเจอหรือมองเห็นไม่ชัดนั่นเอง
หากไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นเล็บขบหรือไม่ แนะนำให้เข้าไปปรึกษากับคุณหมอเฉพาะทาง เพื่อที่คุณหมอจะสามารถตรวจหาสาเหตุและวิธีแก้เล็บขบได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : เล็บขบหายเองได้ไหม เป็นเล็บขบแล้วรักษาอย่างไรได้บ้าง
หากแน่ใจแล้วว่าตัวเองมีอาการของเล็บขบ จำเป็นต้องรีบหาวิธีแก้เล็บขบ หรือเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน ไม่ควรปล่อยไว้นานจนอาการรุนแรง เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่ทำให้ปลายประสาทอักเสบ (neuropathy) หรือเส้นประสาทเสียหาย เพราะโรคประจำตัวประเทนี้จะทำให้เลือดไม่ค่อยไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณขาหรือเท้า และไม่แนะนำให้ทำการตัดเล็บขบด้วยตัวเอง
การรักษาเล็บขบหรือวิธีแก้เล็บขบสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองเบื้องต้น หากยังมีอาการไม่รุนแรงมากนัก และการแก้ไขด้วยเทคนิคทางการแพทย์ด้วยการเอาเล็บออก หากมีการอักเสบติดเชื้อขั้นรุนแรงและมีหนองไหล
อ่านบทความเพิ่มเติม : บอกลาปัญหาเรื่องเล็บ ด้วยเคล็ดลับ 7 วิธีรักษาเล็บขบแบบหายขาด
ทั้งนี้ การใช้ยาควรอยู่ในการดูแลหรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ทุกครั้ง และต้องใช้ยาตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
อ่านบทความเล็บขบเพิ่มเติม : รักษาเล็บขบให้หายขาด ไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด
ในบางกรณีที่มีอาการเล็บขบอักเสบขั้นรุนแรง เช่น นิ้วบวมแดงมาก ปวดมาก มีหนองไหล เกิดการติดเชื้อ ซึ่งต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน โดยการรักษาแพทย์อาจจะทำการตัดเล็บส่วนที่มีปัญหาออก หรืออาจจำเป็นต้องถอดออกทั้งเล็บ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละคนด้วย โดยแบ่งการรักษาออกดังนี้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับข้อมูลวิธีแก้เล็บขบและการสังเกตอาการเล็บขบที่เรานำมาฝากในวันนี้ หากเพื่อน ๆ คนไหนมีอาการหนักมาก ๆ หรือยังคงมีความกังวลเกี่ยวเล็บขบ หรือสงสัยว่าอาการที่เป็นอยู่ใช่เล็บขบไหม ทางที่ดีเราขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษาหรือให้คุณหมอช่วยดูอาการเหล่านั้นจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอพอล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ All About Clinic ที่จะช่วยรักษาโรคเล็บขบนี้ให้หายขาดได้ด้วยนวัตกรรมตัวยาเฉพาะของหมอพอล หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Line @AACCENTER