สิวไม่มีหัว นูนๆ รักษายังไง ? หลาย ๆ คนที่เคยเป็นสิวไต หรือสิวอักเสบที่ไม่มีหัว ก็คงจะทราบกันดีว่า สิวประเภทนี้ รักษายาก และกลับมาเป็นซ้ำบ่อย กดออกแบบสิวหัวดำ สิวหัวขาวไม่ได้ ซึ่งในบทความนี้ All About Clinic จะพาไปรู้จักกับ สิวไต แบบเจาะลึก และวิธีการรักษาให้หาย รวมไปถึงเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียน มีผิวกระจ่างใสสุขภาพดีอีกครั้ง
สิวไต (Nodular Acne) เป็นสิวที่ถูกจัดอยู่ในประเภทของ สิวอักเสบ เกิดการอักเสบของรูขุมขนอยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนัง สิวไม่มีหัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีแดง หรือเป็นไตแข็ง ๆ มีลักษณะคล้ายกับสิวหัวช้าง ในช่วงแรกของการเป็นสิวชนิดนี้จะยังไม่มีอาการเจ็บ หากปล่อยทิ้งไว้สักระยะจะเกิดอาการบวมแดง และรู้สึกเจ็บได้ สิวไต มักจะพบได้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ใบหน้า หน้าผาก คาง หน้าอก และที่บริเวณหลัง ถ้าหากรักษาไม่ถูกวิธี จะทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้นได้ หลังจากที่สิวหายยังมีโอกาสที่จะทิ้งรอยแผลไว้ได้อีกด้วย
เพราะ สิวไต เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่ง ดังนั้นสาเหตุของการเกิดสิว จึงมีความคล้ายคลึงกับการเกิดสิวอักเสบชนิดอื่น ๆ แต่มีความรุนแรงมากกว่า โดยทั่วไปแล้วสาเหตุการเกิดสิวอักเสบ จะมีอยู่สองปัจจัยหลัก ๆ คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก
สิวที่ไม่มีหัว หรือสิวไต สามารถรักษาให้หายได้ โดยไม่ทิ้วรอยแผลหลังจากที่สิวหายแล้ว แต่ต้องรักษาอย่างถูกวิธี กับแพทย์ที่มีความชำนาญ แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างเหมาะสม และเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ในปัจจุบันจะมีวิธีการรักษาสิวไต ดังนี้
จะเป็นการฉีดสารสเตียรอยด์ หรือ ฉีดคอร์ติโซน(Cortisone Injections) เข้าไปที่สิวโดยตรง เพื่อช่วยลดขนาดสิว ลดการอักเสบ หลังฉีดตุ่มสิวแข็ง ๆ จะยุบตัวลง วิธีนี้จะไม่ทิ้งรอยแผลของสิวเอาไว้ วิธีนี้จะเห็นผลลัพธืภายใน 2-3 วัน
หรือยาในกลุ่ม เรตินอยด์ (Retinoids) ที่ช่วยลดการอุดตัน ช่วยต้านการอักเสบ การใช้ยาในกลุ่มนี้ต้องดูภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ยาทาภายนอกที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยจำนวนแบคทีเรียลง มีความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5 – 10% สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวได้
กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ยาทาที่นำมาใช้เฉพาะที่ ช่วยควบคุมการอักเสบของสิวได้ดี บางทีก็มีการใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เพื่อลดโอกาสในการดื้อยา
เป็นการใช้กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5 – 2% ทาลงที่ผิว เพื่อให้หนังกำพร้าที่อยู่ชั้นบนสุดหลุดลอกออกไป ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน
จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้เกิด สิว จะมีด้วยกันอยู่หลายปัจจัย ดังนั้นการดูแลผิวอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดสิว จึงเป็นการรักษาที่ดีที่สุด ทั้ฃการทำความสะอาดผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า การปกป้องผิวจากมลภาวะ การทาครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงการบีบ การแกะสิว เพราะอาจจะทำให้เกิดแผล และเกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น