Home » รักษาผมบาง ผู้หญิง มีเทคนิคอย่างไร เห็นผลจริงไหม
ผู้หญิงควรรักษาผมบาง ผมร่วงอย่างไรให้ได้ผล​

รักษาผมบาง ผู้หญิง รักษาผมร่วงอย่างไรให้ได้ผล

รักษาผมบาง ผู้หญิง ผมร่วงปัญหาใหญ่ที่ไม่ได้เกิดแค่คุณผู้ชายเพียงอย่างเดียว คุณผู้หญิงเองก็เผชิญกับปัญหานี้เช่นกัน และพยายามจะหาวิธีรักษาผมบางให้กลับมาหนานุ่มยาวสลวยเช่นเดิม ลองมาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมบาง เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้เส้นผมหลุดร่วง แถมยังทำให้ผมและหนังศีรษะแข็งแรงอีกด้วย

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

ผมร่วง ผมบางในผู้หญิง เกิดจากอะไร

ปัญหาผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน หรือแม้แต่สารเคมีจากการทำผม ยารักษาโรค และยังรวมไปถึงพฤติกรรมของแต่ละบุคคลในชีวิตประจำวันด้วย เรียกได้ว่าอาการผผมร่วง ผมบางนี้มาทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในที่ทำให้รากผมอ่อนแอ หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้เส้นผมหลลุดร่วง หรือแม้แต่การสร้างเส้นผมขึ้นใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ดีเท่าเดิม

ประเภทของผมร่วง ผมบาง

ประเภทที่ 1 Androgenetic alopecia

เป็นอาการผมร่วงที่พบได้มากที่สุดทั้งในผู้ชายและผู้หญิง เพราะเกิดขึ้นมาจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมน ทำให้บริเวณกระหม่อมหรือบริเวณผมด้านหน้าเว้าลึกเข้าไป

ประเภทที่ 2 Alopecia areata

เป็นอาการผมร่วง ผมบางที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกช่วงอายุ มีสาเหตุมาจากภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ส่งผลให้เกิดผมร่วงเป็นหย่อม ๆ

ประเภทที่ 3 Telogen effluvium

เป็นอาการผมร่วง ผมบางแบบชั่วคราว เนื่องจากมีสาเหตุมาจากความเครียด โดยมากแล้วผมที่หลุดร่วงออกมานั้นมักจะออกมาเป็นกระจุกใหญ่

PRP รักษาผมได้อย่างไร

ปกติแล้วเส้นผมของเราทุกคนจะมีการผลัดเปลี่ยนในทุก ๆ วันอยู่แล้ว ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าผมหลุดร่วงประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะตอนอาบน้ำสระผม ตอนแปรงหรือหวีผม ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดการแทนที่ของเส้นผมใหม่ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม หากผมร่วง ผมบางจนเห็นไปถึงหนังศีรษะหรือปรากฏว่าศีรษะเริ่มล้าน มีผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หัวเถิกจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน รวมไปถึงมีผมหลุดร่วงมากเกินกว่า 200 เส้นต่อวัน หากเกิดความผิดปกติดังกล่าว ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางรักษา

โดยวิธีการดูแลเส้นผมและรักษาอาการผมร่วง ผมบางที่แพทย์มักจะแนะนำคือ PRP ผม นวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง ที่สำคัญ การ PRP ผมยังเป็นการช่วงบำรุงรากผมที่ได้ผลลัพธ์จริงและมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

สำหรับขั้นตอนในการทำ PRP จะเริ่มจากตรวจความสมบูรณ์ของเลือด เมื่อผ่านเกณฑ์จะทำการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขน เพื่อนำเลือดไปเข้าเครื่องปั่น โดยจะเอาแยกเกล็ดเลือดเข้มข้นออกมา จากนั้นนำเกล็ดเลือดดักล่าวฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ

ทำ PRP ราคาเท่าไหร่

จากการสำรวจหัตถการ PRP ผม โดยส่วนใหญ่ราคาจะเริ่มต้นที่ 3,500 – 4,500 บาทต่อการทำ PRP 1 ครั้ง หากเป็นราคาคอร์สเหมาจำนวนครั้ง มักจะเริ่มต้นที่ 20,000 – 25,000 บาท ซึ่งราคาจะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับโปรแกรมและโปรโมชั่น สำหรับ All About Clinic จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษสำหรับการ PRP ผม สามารถติดตามได้จากที่นี่ 

ทำไมการทำ PRP ผม จึงได้ผลลัพธ์ที่ดี

การทำ PRP ผมเป็นหัตถการที่ปลอดภัย เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางแบบไม่ร้ายแรงมาก ถือเป็นการชะลอความเสื่อมวัยของรากผม และบำรุงให้ดีขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนได้ ซึ่งเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ฉีดเข้าไปนั้นทำหน้าที่ฟื้นฟูสภาพรากผมที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรง รวมถึงบริเวณหนังศีรษะโดยรอบด้วย ทำให้ผมที่เกิดใหม่มีความแข็งแรง เติบโตได้ดี ไม่หลุดร่วงง่าย แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะเทียบเท่าไม่ได้กับบหัตการปลูกผมก็ตาม แต่ก็ได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ระยะเวลาของผลลัพธ์จะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความเสียหายของรากผม ทำให้ระยะเวลาในการรักษาดูแลจึงอยู่ที่ 3 – 6 เดือนขึ้นไป และหากต้องการหยุดโปรแกรม PRP ก็ควรที่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากการทำ PRP นั้นจะต้องรักษาด้วยการทานยาและการปรับพฤติกรรมดูแลผมร่วมด้วย

รีวิวหลังฉีด PRP รักษาปัญหาผม

การทำ PRP หรือ Platelet Rich Plasma เป็นหัตถการรักษาผมร่วง ผมบางในระยะที่ไม่รุนแรง มีกระบวนการนำเกล็ดเลือดที่ผ่านเกณฑ์มาปั่นแยกด้วยเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกชั้นเลือดออกเป็นพลาสมา เกล็ดเลือด เซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดเกล็ดเลือดทั้งเข้มข้นและไม่เข้มข้น ซึ่งในการรักษาผมร่วง ผมบางจะใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นที่สกัดออกมาได้เพียงประมาณ 1% ของน้ำเลือดทั้งหมด 

PRP รักษาผมร่วง ผมบางได้อย่างไร

ในเกล็ดเลือดเข้มข้นที่สกัดออกมาได้นั้นประกอบด้วย Growth Factor ที่ช่วยในการฟื้นฟูซ่อมแซมรากผมและหนังศีรษะ สารนี้ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดและการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้บริเวณที่ทำ PRP ผมมีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างเส้นผมมากขึ้นเช่นกัน สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงระยะเวลา 3 – 6 เดือน

ข้อดีของการ PRP ผม

การ PRP ผม เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เพราะเป็นการนำสารจากร่างกายของเราเองมาแยกชั้นและฉีดกลับเข้าไป ทำให้มีความเสี่ยงต่ำ โอกาสในการแพ้หรือร่างกายปฏิเสธมีน้อย นอกจากนี้ไม่มีบาดแผล มีเพียงแผลจากการฉีด PRP ที่ขนาดเล็กมากเท่านั้น และเมื่อหายก็ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้กวนใจ ที่สำคัญ ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่มีการผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนการรักษาไม่ได้สร้างความเจ็บปวดใด ๆ และยังเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อีกทั้งสามารถทำร่วมกับหัตการผมอื่น ๆ ของ All About Clinic ได้

ข้อจำกัดของการ PRP ผม

การ PRP ผมเป็นการบำรุงและดูแลเส้นผม ไม่ใช่การปลูกผม ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรมนี้ในช่วงระยะเวลาต่อเนื่อง 3 – 6 เดือน และหากทิ้งระยะการทำ PRP ปัญหาผมร่วง ผมบางก็มีโอกาสที่จะกลับมาอีก

การ PRP ผมไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว กำลังทานยา หรืออยู่ในสภาวะร่างกายบางอย่าง ดังนั้น จึงไม่เหมาะกับกลุ่มบุคคล ดังนี้

  • ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
  • ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง หรือผู้ป่วยติดเชื้อ 
  • ผู้ที่รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด
  • ผู้ที่ใช้ยาในกลุ่ม NSAID อย่างต่อเนื่องภายใน 48 ชั่วโมง
  • ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อรุนแรง
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ
  • ผู้ที่เป็นผื่น หรือมีสิวอักเสบรุนแรงทั่วหนังศีรษะ รวมถึงใบหน้า จำเป็นต้องรักษาสิวให้หายก่อนฉีด
  • ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อบริเวณศีรษะ เช่น เป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ
  • ผู้ที่มีโรคทางภูมิคุ้มกันต่อตนเอง (autoimmune)
  • ผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับ

เตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมก่อนทำ PRP

✅ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง

✅ ก่อนทำ 2-3 วัน ห้ามรับประทานยากลุ่ม ASA หรือ NSIAD 

✅ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ อย่างน้อย 2 ลิตร

✅ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

✅ งดอาหารที่มีไขมันสูง

✅ หากฉีดบริเวณหนังศีรษะผม ควรสระผมก่อนเข้ารับบริการ และไม่ควรใส่เจล สเปรย์ หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ PRP

✅ งดดื่มแอลกอฮอล์

✅ งดสูบบุหรี่

✅ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย

✅ ห้ามให้ผมโดนน้ำประมาณ 24 ชั่วโมง

✅ หลีกเลี่ยงการเจอแดด

✅ ห้ามนวดบริเวณศีรษะและใบหน้า เพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ PRP​

หลังการทำ PRP เห็นผลเมื่อไหร่

ระยะเวลาหลังทำ PRP จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในช่วงประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ และจะเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้นภายใน 3 เดือน หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ควรเข้ารับหัตถการอย่างต่อเนื่อง 3 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะห่าง 2 – 4 สัปดาห์ หลังจากการทำอย่างต่อเนื่องผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะ เส้นผม และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล

รีวิวการทำ PRP ผม

การทำ PRP ผมของ All About Clinic จากผู้ที่ได้รับการดูแลรักษาจริง