โบท็อก

โบท็อกซ์ คืออะไร ? มีผลข้างเคียงหรือไม่ ปี 2023 ควรฉีดยี่ห้อไหนดี ?

          โบท็อกหน้าเรียว ลดริ้วรอย ยกกระชับ ปรับรูปหน้าริ้วรอยบนใบหน้าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัย หลายจุดเห็นเด่นชัดไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก หว่างคิ้ว ใต้ตา หรือร่องแก้ม การฉีดโบท็อกจึงเป็นนวัตกรรมช่วยลดริ้วรอยและร่องลึกที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยมีคุณสมบัติช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เข้ารูปและลดรอยเหี่ยวย่น และยังสามารถปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

          การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่ไม่ยุ่งยาก ราคาไม่แพง เห็นผลชัดและเห็นผลไว และยังมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้การฉีดโบท็อกเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอยังเป็นผลดีในระยะยาว เพราะจะช่วยชะลอวัยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงใด ๆ และสามารถฉีดซ้ำได้ตามต้องการ

ปรึกษาหมอฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)
ปรึกษาหมอฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

โบท็อก คืออะไร ?

          โบท็อก เป็นชื่อทางการค้าของ Botulinum toxin เป็นสารประเภทโปรตีนที่สกัดจากธรรมชาติ มีฤทธิ์ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วขณะ ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ด้านความงามเพื่อช่วยกระชับผิวและช่วยลดริ้วรอย และยังช่วยในเรื่องของการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น

          โบท็อกควรฉีดเป็นประจำ โดยเว้นระยะอย่างต่ำ 3 เดือน แต่ไม่เกิน 5-6 เดือน การฉีดโบท็อกเป็นประจำจะช่วยให้เห็นผลในระยะยาว จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ปัจจุบันโบท็อกที่ได้รับความนิยมได้แก่ โบท็อกอเมริกา และโบท็อกเกาหลี

ทำความรู้จักกับโบท็อก

สำหรับ Botox ที่เราได้ยินชื่อกันบ่อย ๆ นั้น เป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ  (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นสารประเภทโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ซึ่งเจ้าโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะทำการออกฤทธิ์โดยไปจับกับส่วนปลายเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสาร Acetylcholine ที่ทำหน้าที่สื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดตัวโบท็อกเข้าไปจึงเกิดการคลายตัว หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือกล้ามเนื้อส่วนนั้นจะเกิดอัมพาตชั่วขณะ (แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะไม่อันตรายแน่นอน) หลังจากฉีด 2-3 วัน และในช่วง 1-2 สัปดาห์จะออกฤทธิ์ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และจะส่งผลนานต่อเนื่อง 3-4 เดือน 

ในด้านการแพทย์โบท็อกจะถูกเราไปใช้ในการรักษาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  1. รักษาภาวะตาเข หนังตากระตุก
  2. รักษาอาการปวดไมเกรน หรือปวดศีรษะจากภาวะเครียด
  3. ช่วยรักษาภาวะกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
  4. แก้ปัญหาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ
  5. ช่วยรักษาอาการ Office Syndrome

และแน่นอนว่าอีกประโยชน์ของโบท็อกที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ด้านความงาม คือ ช่วยกระชับผิวและช่วยลดริ้วรอย และยังช่วยในเรื่องของการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น  โดยการฉีดโบท็อกควรฉีดเป็นประจำ เว้นระยะ 4-6 เดือน ตามประสิทธิภาพการคงตัวของโบท็อกแต่ละยี่ห้อ การฉีดโบท็อกเป็นประจำจะช่วยให้เห็นผลในระยะยาว จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ปัจจุบันโบท็อกที่ได้รับความนิยมได้แก่ โบท็อกอเมริกา และโบท็อกเกาหลี

ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อก

การฉีดสารโบทูลินั่ม ติดต่อกันเป็นเวลานาน และฉีดในระยะเวลาที่บ่อยไป ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นคืออาจจะทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้ ดังนั้นจึงมีระยะเวลาที่กำหนดว่าการฉีดโบท็อกเพิ่มเติมควรฉีดหลังจากครั้งล่าสุดเป็นเวลากี่เดือน

 

นอกจากนี้ในการฉีดโบท็อกจะฉีดในชั้นกล้ามเนื้อ หลังฉีดบางท่านอาจจะมีอาการเจ็บ หรือคันได้ ในบางท่านที่ผิวช้ำได้ง่าย ก็อาจจะมีอาการเขียวช้ำเล็กน้อย โดยอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน 

โบกราม
โบท็อกกราม
โบกราม + ริ้วรอย
โบกราม + ริ้วรอย
โบริ้วรอย
โบริ้วรอย

โบท็อกมียี่ห้อไหนบ้างที่ผ่าน อย. ไทย แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร

สำหรับตัวโบทูลินั่ม ท็อกซิน มีหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งยี่ห้อที่นิยมฉีด และผ่าน อย.ไทย มีทั้งโบสัญชาติเกาหลี อเมริกา เยอรมัน และ อังกฤษ โดยปัจจุบันมี 8 ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย คือ ยี่ห้อนำเข้าดังต่อไปนี้ 

  1. Nabota (เกาหลี)
  2. Aestox (เกาหลี)
  3. Hugel (เกาหลี)
  4. BTXA (ฮ่องกง)
  5. Allergen (อเมริกา)
  6. Clodew (อเมริกา)
  7. Dysport (อังกฤษ)
  8. Xeomin (เยอรมัน)

 

หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดปี 2023 

โดยแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันที่เปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ และระยะการกระจายของตัวยา ทำให้จุดเด่นของแต่ละยี่ห้อ จะต่างออกไปยังจุดที่เลือกฉีด เช่น หากต้องการฉีดจุดตรงรอยตีนกา ที่มีริ้วรอยหนัก ก็ควรเลือกฉีดยี่ห้อที่มีระยะกระจายตัวแคบอย่าง Allergen หรือ ฺBotulax เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้แม่นยำและอยู่ได้นานมากขึ้น 

 

แต่หากต้องการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น บริเวณน่องขา ต้นแขน การฉีดโบท็อกที่ตัวยามีระยะกระจายตัวกว้าง จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และออกฤทธิ์ได้เร็วกว่า แต่โบท็อกในกลุ่มนี้ก็จะมีข้อเสียคือความเข้มข้นน้อย ระยะเวลาในการออกฤทธิ์หลังฉีดก็จะสั้น โดยยี่ห้อโบในกลุ่มนี้ได้แก่ Dysport , Xeomin และ Nabota

ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ?

          ในปัจจุบันโบท็อกมีหลายยี่ห้อ แล้วเราควรจะฉีดโบท็อก ยี่ห้อไหนดี ต้องบอกว่าโบท็อกที่ได้รับความนิยมหลัก ๆ แล้วมีอยู่ด้วยกันสองแบบคือ โบท็อกอเมริกา และ โบท็อกเกาหลี ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้

  • โบท็อกจากอเมริกา Allergan มีความบริสุทธิ์สูง เห็นผลหลังฉีดประมาณ 2-3 วัน และอยู่ได้นาน 5-6 เดือน เป็นโบท็อกที่นิยมใช้กันมาอย่างยาวนาน จึงมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย และการกระจายตัวของยามีความแม่นยำ จึงสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่หากเทียบกับโบท็อกเกาหลีก็จะมีราคาสูงกว่าเป็นเท่าตัว
  • โบท็อกจากเกาหลี เป็นโบท็อกอีกสัญชาติที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ด้วยราคาที่ถูกกว่าโบท็อกของอเมริกาและให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียง โดยจะเห็นผลหลังฉีดประมาณ 4-5 วัน และอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ส่วนเรื่องของความปลอดภัยก็ใกล้เคียงกับของอเมริกา

 

นอกจากนี้โบท็อกที่นิยมฉีดตามคลินิกเสริมความงามยังมีอีกหลายสัญชาติ ที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่แล้วประสิทธิภาพจะใกล้เคียงกัน แต่มีจุดเด่นที่ต่างกัน เช่น โบอเมริกา จะขึ้นชื่อเรื่องออกฤทธิ์นาน แม่นยำ ส่วนโบท็อกซ์เกาหลีจะเด่นในเรื่องของการออกฤทธิ์เร็ว เหมาะกับงานเร่งรีบ อยากให้ผิวตึงกระชับเร็วๆ 

โบท็อก Nabota

โบสัญชาติเกาหลีที่ได้รับความนิยมสูง ทั้งในไทย เกาหลี อเมริกา และโซนยุโรป เป็นอย่างมาก เพราะมีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์เร็ว ด้วยการผลิตด้วย Hi-PURE Technology ทำให้ได้ความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7 % ที่สำคัญคือเป็นยี่ห้อโบเกาหลีเพียงหนึ่งเดียวที่ผ่านการรับรองจาก อย. อเมริกา (USFDA)

จุดเด่น

  • ตัวยาบริสุทธิ์ถึง 98.7% ทำให้โอกาสเกิดการดื้อยาน้อย 
  • ออกฤทธิ์เร็วกว่ายี่ห้ออื่น
  • อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

 

รุ่นที่ผลิต

  • Nabota กล่องดำ บรรจุ 100 units
  • Nabota กล่องแดง บรรจุ 200 units

 

จุดที่นิยมฉีด

  • โบริ้วรอยหางตา (ตีนกา) , รอยย่นหน้าผาก , รอยย่นระหว่างคิ้ว , รอยย่นสันจมูก (Bunny Line) 
  • โบท็อกลดกราม
  • โบท็อกกรอบหน้า (ลิฟกรอบ)
  • ฉีดโบรักแร้เพื่อลดเหงื่อ
  • ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน หรือน่องขา

โบท็อก Xeomin

ฮิตกันสุด ๆ สำหรับโบท็อกซ์ยี่ห้อ  Xeomin ที่นำเข้าจากเยอรมัน ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA ประเทศเยอรมนี โดยใช้ XTRACT Technology™ ในการผลิต ทำให้ได้สารโบทูลินั่มในขนาดที่โมเลกุลเล็กลง แต่ได้ประสิทธิภาพ เพราะได้ขจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็น (accessory protein) ต่อการช่วยยับยั้งการทำงานของระบบประสาท ที่สำคัญยังทำให้ได้โบท็อกที่มีความบริสุทธิ์ที่สูง เหมาะกับกลุ่มที่มีประวัติในการดื้อยา หรือฉีดโบแล้วเห็นผลน้อย หากฉีดตัวโบ Xeomin เข้าไปจะเห็นผลมากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ

จุดเด่น

  • การกระจายของตัวยาอยู่ในระดับกลาง ๆ ทำให้เหมาะกับฉีดได้แทบทุกจุด
  • โบท็อกมีความบริสุทธิ์สูง
  • เกิดโอกาสดื้อยาน้อยมาก เหมาะกับผู้ที่มีประวัติดื้อยา
  • หลังฉีดได้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ ไม่ตึงเกินไป และเห็นผลลัพธ์ได้ดี
  • เป็นโบท็อกที่ไม่มีส่วนผสมของโปรตีน จึงเหมาะกับผู้ที่เคยแพ้สารโปรตีนในโบท็อก
  • อยู่ได้นาน 8 – 12 เดือน
 

จุดที่นิยมฉีด

  • โบริ้วรอยหางตา (ตีนกา) , รอยย่นหน้าผาก , รอยย่นระหว่างคิ้ว , รอยย่นสันจมูก (Bunny Line) 
  • โบท็อกลดกราม
  • โบท็อกกรอบหน้า (ลิฟกรอบ)
  • ฉีดโบรักแร้เพื่อลดเหงื่อ
  • ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน หรือน่องขา
  • โบท็อกปีกจมูก
  • โบท็อกรอยย่นคาง
  • โบท็อกริ้วรอยตรงคอ

โบท็อก Aestox

โบท็อก Aestox เป็นโบที่ผลิตในเกาหลีโดยบริษัท Hugel Inc. โดยได้รับการรับรองจาก อย. เกาหลีใต้ (KFDA) และ อย.ไทย ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5 % ทำให้เกิดโอกาสดื้อยาได้น้อย ระยะการกระจายของตัวยา จะกระจายเป็นวงแคบ ทำให้การออกฤทธิ์ตรงจุด และมีความแม่นยำ ประสิทธิภาพจะใกล้เคียงกับตัว Allergen หรือ Botulax แต่การออกฤทธิ์จะให้ผลลัพธ์ที่ระยะสั้นกว่าเล็กน้อยค่ะ

 

สำหรับตัวโบ Aestox ที่นำเข้าจะมี 3 สีด้วยกัน ซึ่งแต่ละสีจะบรรจุตัวยาในยูนิตที่ต่างกัน คือ Aestox สีม่วง บรรจุ 50 ยูนิต , สีฟ้าบรรจุ 100 ยูนิต และสีส้มบรรจุ 100 ยูนิต

จุดเด่น

 

  • ความบริสุทธิ์มากกกว่า 99.5 %
  • ออกฤทธิ์เร็ว แม่นยำ ตรงจุด
  • อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
  • ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็งตึง
  • ราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับผลลัพธ์

 

จุดที่นิยมฉีด

 

  • ลดกราม
  • ฉีดลดริ้วรอย
  • เน้นฉีดโบตรงจุดที่ต้องการความละเอียด และออกฤทธิ์แม่นยำ เช่น ปีกจมูก, ฉีดแก้ปัญหายิ้มเห็นเหงือก
  • แก้ปัญหาคอเหี่ยวย่น เป็นชั้น

โบท็อกฉีดตรงไหนได้บ้าง

จุดฉีดโบท็อกที่ได้รับความนิยม มีคนฉีดมากที่สุด เราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว

  • โบท็อกลดกราม กรามใหญ่เป็นปัญหาที่เกิดกับคนเอเชียส่วนมาก การฉีดโบท็อกลดกรามจะช่วยให้ใบหน้าเรียวได้รูป กระชับกรอบหน้า แนะนำให้ควบคู่กับโบท็อกลิฟกรอบหน้า จะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
  • โบท็อกลดรอยย่นหว่างคิ้ว รอยย่นระหว่างคิ้วเกิดจากการขมวดคิ้วบ่อย ๆ จุดนี้จึงเป็นจุดที่ควรจะฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอย คลายกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น
  • โบท็อกลดร่องแก้ม ร่องแก้มเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย การฉีดโบท็อกจะช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ช่วยทำให้หน้าดูเด็กลงโบท็อกลดรอยตีนกา รอยย่นบริเวณหางตามักจะเกิดจากการยิ้ม การฉีดโบท็อกจะช่วยให้ริ้วรอยคลายลง ยิ้มอย่างมั่นใจได้มากขึ้น
  • โบท็อกลดรอยย่นหน้าผาก เป็นรอยย่นที่เกิดจากความเครียด หรือการขมวดคิ้ว ยักคิ้ว ซึ่งจะทำให้เห็นเป็นริ้วรอยอย่างชัดเจน จึงควรฉีดเพื่อช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

ฉีดโบท็อกกราม

          สำหรับคนที่มีปัญหากรามใหญ่ อยากปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ สามารถแก้ได้ด้วยการฉีดโบท็อกลดกราม ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กลง มีข้อดีคือสามารถปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ราคาไม่แพง และเห็นผลได้รวดเร็ว แนะนำให้ทำควบคู่ไปกับการลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น

          ในการทำหัตถการเพื่อปรับรูปหน้า แพทย์จะประเมินก่อนว่าใบหน้าของคนไข้มีปัญหาจากจุดใด เพราะโบท็อกมีผลเฉพาะกับกล้ามเนื้อเท่านั้น คนไข้บางรายที่มีปัญหาจากไขมันการฉีดโบท็อกจึงไม่เห็นผลนัก ต้องใช้วิธีอื่นเช่นการฉีดแฟตแทน

โบท็อกริ้วรอย

          นอกจากโบท็อกจะช่วยฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อได้แล้ว ยังสามารถฉีดโบ ลดริ้วรอยได้อีกด้วย ริ้วรอยที่เกิดจากความเครียด ความกังวล หรือการหย่อนคล้อยตามอายุ การฉีดโบท็อกจะช่วยให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

          นอกจากช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแล้ว การฉีดโบท็อกยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เพราะโบท็อกจะมีฤทธิ์ช่วยในการลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ทำงาน จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้นั่นเอง

ขั้นตอนการฉีดโบท็อก

  1. ก่อนอื่นผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าหรือบริเวณที่ต้องการฉีดให้สะอาด พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีด
  2. แพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะฉีดเพื่อไม่ให้คนไข้รู้สึกเจ็บระหว่างฉีด
  3. เมื่อยาชาออกฤทธิ์แพทย์จึงเริ่มฉีด คนไข้อาจจะรู้สึกตึงเล็กน้อย ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 10-40 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฉีด
  4. หลังฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวหลังจากนี้ และอาจมีการประคบเย็นบ้างเล็กน้อย

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก

  • ห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมงหลังฉีด
  • หากฉีดแล้วมีอาการบวมแดง สามารถใช้น้ำแข็งประคบได้
  • ในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดไม่ควรนอนราบ เพราะอาจจะทำให้ตัวยาไหลไปยังบริเวณอื่น ๆ
  • หลีกเลี่ยงความร้อน เช่นแดดจัด อบซาวน่า การกินอาหารที่ต้องนั่งอยู่หน้าเตา
  • ในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกสามารถขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ เพื่อให้ยาแทรกซึมเข้ากล้ามเนื้อมากขึ้น
  • การเคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบท็อก จะทำให้กล้ามเนื้อมีการทำงาน และตัวยาจะแทรกซึมได้ดียิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์

ในการฉีดโบท็อก การเลือกคลินิกและแพทย์ก็สำคัญไม่กับยี่ห้อของโบท็อก เพราะแม้จะใช้ยี่ห้อที่ดีมีคุณภาพ แต่แพทย์ที่ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เหมือนกัน

แพทย์ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกายวิภาค รู้ว่ากล้ามเนื้อแต่ละมัดเป็นอย่างไร ทำงานอย่างไร เพื่อให้การรักษาได้ประสิทธิภาพ คำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ และให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

All About Clinic เราขึ้นชื่อในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้บริการ เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลลูกค้าทุกท่านเหมือนคนในครอบครัว ให้คุณรู้สึกได้ถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน และยินดีให้คำแนะนำปรึกษาทุกปัญหาความงามของคุณ

          ราคาของการฉีดโบท็อกแตกต่างกันไปตามจุดที่คนไข้ต้องการฉีด และปริมาณของตัวยาที่ใช้ โบท็อกกรามราคา อาจแตกต่างกับโบท็อกริ้วรอย แต่ความจริงแล้วโบท็อกเป็นหัตถการที่ราคาไม่แพง ผลลัพธ์มีความคุ้มค่า และสามารถมาฉีดได้บ่อย ๆ หาสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามโปรโมชั่นได้ตามช่องทางออนไลน์ของเราได้เลย

          หากฉีดโบท็อกแท้ ที่ผ่านมาตรฐาน อย. จะมีความปลอดภัยสูงมาก และยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียง รวมทั้งความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการฉีดให้กับคนไข้แต่ละคนด้วย ซึ่งท่านไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ ที่ All About Clinic เรามีคุณหมอพอล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ที่จะคอยดูแลและให้คำแนะนำท่านอย่างดีที่สุด

          การฉีดโบท็อกลดกรามจะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นจริง ช่วยลดขนาดกรามลงได้อย่างเห็นผล รูปหน้าจะดูเล็กลง เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นค่ะ

การดูโบท็อกแท้ด้วยตัวเองเบื้องต้น สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือ

  • ต้องมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน 
  • ด้านข้างต้องมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย
  • วันผลิตและวันหมดอายุบนกล่องและขวดต้องตรงกัน
  • มีข้อมูลระบุว่านำเข้าโดยบริษัทใด
 

ซึ่งที่ All About Clinic แพทย์จะทำการผสมโบท็อกต่อหน้าคนไข้ทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป

          เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก ร่องแก้ม รอยย่นหว่างคิ้ว และผู้ที่มีอายุมาก เพราะการฉีดโบท็อกจะช่วยลดริ้วรอยให้ตื้นขึ้น ทำให้หน้าเรียบเนียนและดูเด็กลง และยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ แก้มเยอะ มีเหนียง ซึ่งการฉีดโบท็อกจะช่วยในเรื่องของการลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย

  • สตรีมีครรภ์
  • สตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • คนที่มีอาการแพ้สาร
  • Botulinum
  • คนที่อยู่ในภาวะเลือดออกง่าย
  • ผิดปกติ

สำหรับโบท็อกริ้วรอยจะเริ่มเห็นผลที่ 3-4 วัน โดยริ้วรอยต่าง ๆ จะเริ่มตึงขึ้น และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 14 วัน ส่วนโบท็อกที่ฉีดบริเวณที่มีกล้ามเนื้อเยอะ เช่น กราม น่อง จะเริ่มเห็นผลประมาณ 1 อาทิตย์ โดยจะเริ่มกัดฟันแล้วนิ่มลง หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ กัดฟันแล้วนิ่มไม่เป็นก้อน และจะเห็นผลชัดเจนกรามยุบเต็มที่ประมาณ 2-3 เดือน

          การฉีดโบท็อกอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้การฉีดโบท็อกครั้งต่อไปอยู่ได้นานขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ควรที่จะฉีดมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ดื้อโบท็อกได้ รวมถึงไม่ควรที่จะเว้นระยะเวลามากเกินไปด้วย เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ และต้องใช้ยูนิตในการฉีกโบท็อกเยอะขึ้น โดยมีระยะเวลาที่เหมาะสม ดังนี้

  • โบท็อกลดริ้วรอยบริเวณหางตา ควรฉีดห่างกันแต่ละครั้งประมาณ 3-4 เดือน
  • โบท็อกหน้าผากกับกราม ควรฉีดห่างกันแต่ละครั้งประมาณ 4-5 เดือน
  • โบท็อกลดกลิ่นตัวหรือลดเหงื่อ ควรฉีดห่างกันแต่ละครั้งประมาณ 4–6 เดือน

          สำหรับการแพ้โบท็อก มีโอกาสเกิดขึ้นได้ค่ะ แต่จะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น มีผดเล็ก ๆ เกิดขึ้น โดยรักษาด้วยการกินยาแก้แพ้ 2-3 วันก็หาย และยังไม่เคยมีเคสที่มีอาการแพ้รุนแรงเกิดขึ้น