ดริปวิตามิน

ฉีดผิวขาว ดริปวิตามินผิว เหมือนกันไหม หลังฉีดช่วยผิวขาวขึ้นอย่างไรบ้าง

          เพราะการมีผิวพรรณที่กระจ่างใสแลดูสุขภาพดีคือสิ่งที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝัน การฉีดผิวขาวเติมวิตามินให้ผิวถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์ทุกปัญหาเรื่องผิวได้อย่างครอบคลุม ด้วยกระบวนการฉีดวิตามินเข้มข้นเข้าสู่เส้นเลือด ให้ผิวได้รับสารอาหารโดยตรง โดยไม่ผ่านกระบวนการย่อยหรือดูดซึมซึ่งอาจจะทำให้สูญเสียวิตามินไปส่วนหนึ่ง มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวเสียให้กลับมาชุ่มชื้นสุขภาพดี ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เผยผิวขาวใสอมชมพู เหมาะกับทุกสภาพผิว เห็นผลลัพธ์ไว ตัวยามีความปลอดภัยจากสารสกัดจากธรรมชาติ ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้แน่นอน

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

เติมวิตามินผิว คืออะไร ?

การเติมวิตามินผิว หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า “IV Vitamin therapy” หรืออาจเรียกอีกชื่อว่า “IV Vitamin drip” เป็นกระบวนการฉีดวิตามินเข้มข้นเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง โดยเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งวิตามินเหล่านี้จะสามารถเข้าไปช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่แห้งเสียได้ทันที เห็นผลได้ชัดเจนและรวดเร็วมากกว่าการทาครีมบำรุงทั่วไป และใช้เวลาในการฉีดไม่นาน การฉีดวิตามินผิวใสนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายสูตร ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ฉีดว่าต้องการบำรุงผิวแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นสูตรผิวขาว ผิวนุ่ม ผิวเรียบเนียน แต่ละสูตรนั้นเป็นสูตรเฉพาะของทางคลินิกซึ่งมีการรับรองถึงความปลอดภัย และมั่นใจได้ว่าเห็นผล 100%

โดยการดริปวิตามินผิวจะมีความแตกต่างจากการรับวิตามินในรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานจากผัก ผลไม้ หรือจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้เพียง 50% เท่านั้น แต่การฉีดวิตามินผ่านทางหลอดเลือดจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้มากถึง 90% กันเลยทีเดียว จึงได้ผลลัพธ์ที่ดีและเห็นผลได้ไวกว่า

นอกจากนี้ ตัวยาที่จะออกฤทธิ์หลัก ๆ จะเป็น “วิตามินซี” (Vitamin C) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) ซึ่งจะเป็นวิตามินที่ร่างกายของคนเรามีความต้องการเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ฉีดผิวขาว ดีอย่างไร

ส่วนประสมของตัวยา มีอะไรบ้าง

ตัวยาสำหรับเติมวิตามินผิวจะมีส่วนประกอบของ Vit C, Vit B, NAC, Amino, Antioxidant หรือ Collagen ซึ่งจะเป็นสารที่มีประโยชน์กับผิวเป็นอย่างมาก และสาร NAC (N-Acetyl Cysteine) จะเป็นส่วนประกอบที่เป็นโครงสร้างที่จะออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์ Glutathione ออกมาตามธรรมชาติได้ดีมากขึ้นด้วย โดยการฉีดสารต่าง ๆ นี้ยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว รวมทั้งช่วยปกป้องเซลล์ผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ทำให้มีผิวสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกกันเลย ทั้งนี้ ผลลัพธ์หลังการฉีดผิวขาวไปแล้วก็จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิมของคนไข้แต่ละบุคคลด้วยค่ะ

นอกจากนี้ วิตามินที่มักจะนิยมใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละสูตรของแต่ละคลินิก แต่โดยส่วนมากวิตามินที่นิยมใช้มักจะมีวิตามินเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ได้แก่

  • วิตามินซี ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชะลอการเกิดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ลดรอยสิว สมานแผลให้หายเร็วขึ้น และป้องกันผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด
  • วิตามินบีรวม ช่วยการกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวขาวใส ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ กระชับรูขุมขน ผิวนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียน ช่วยต่อต้านการอักเสบของผิว และช่วยกู้ผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงมากขึ้น
  • วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดเรือนริ้วรอย จุดด่างดำ รักษาสิว ลดอาการอักเสบของสิว เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอแลดูกระจ่างใสขึ้นด้วย

วิตามินอี ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ลดเลือนริ้วรอย ลดความหมองคล้ำใต้ตา ช่วยให้รอยแผลเป็นจางลง และฟื้นฟูผิวที่โดนทำร้ายจากมลภาวะและแสงแดด

วิตามินผิว มีหลักการทำงานอย่างไร

การให้วิตามินผิว หรือการดริปผิว เป็นการฉีดสารสกัดวิตามินเข้มข้นเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปแล้วสารสกัดวิตามินต่าง ๆ จะมีหลักการทำงานที่จะช่วยลดการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมลานิน และจะเข้าไปช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีอีกครั้ง รวมถึงเมื่อฉีดเข้าไปแล้วร่างกายก็จะสามารถนำสารสกัดเหล่านี้ไปใช้ได้เลยในทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอื่น ๆ ของร่างกาย จึงทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก

ฉีดผิวขาว กับ ดริปวิตามินเหมือนกันหรือไม่ ? หลังฉีดขาวขึ้นจริงไหม

การฉีดผิวขาว กับดริปวิตามินผิว จริงๆ แล้วเป็นหัตถการชนิดเดียวกัน คือการฉีดวิตามินต่าง ๆ หรือกลูตาไธโอนเข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางเส้นเลือด นอกจากการทำให้ผิวเนียนใส ผลลัพธ์ที่ได้คือร่างกายจะได้รับวิตามินที่จำเป็นเพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์ต่าง ๆ มีการซ่อมแซมตัวเอง ลดอายุของเซลล์ ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี และช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย

ส่วนการที่ผิวจะขาวขึ้นหลังฉีดนั้น ผิวจะปรับระดับความกระจ่างใสตามระดับกรรมพันธุ์ หากมีพื้นผิวที่ขาวแต่กำเนิด ผิวที่คล้ำเสียก็จะค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้น แต่หากมีผิวสองสี หรือผิวน้ำผึ้ง ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นความใสของผิว ทำให้ผิวดูเรียบเรียวสุขภาพดี มีความชุ่มชื้นขึ้นค่ะ

อาหารผิว ดีอย่างไร

          หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘อาหารผิว’ ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง อาหารของผิวก็คือการได้รับวิตามินนั่นเอง เราสามารถเลือกเติมสารอาหารให้ผิวได้หลายวิธีเช่น ใช้เซรั่มบำรุงผิว ครีมทาผิว การรับประทานผักและผลไม้ แต่กระบวนการเหล่านั้นใช้เวลานานกว่าที่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน และยังต้องอาศัยกระบวนการย่อย กระบวนการแทรกซึม ซึ่งกว่าวิตามินจะเข้าสู่ร่างกายของเราก็อาจจะหลงเหลืออยู่เพียงแค่ 50% เท่านั้นเอง ต่างจากการฉีดวิตามินผิว ที่จะเป็นการฉีดสารอาหารเข้าสู่ผิวโดยตรง โดยมีการทดลองแล้วว่าการฉีดผิวขาวร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้มากถึง 90% เลยทีเดียว

ฉีดวิตามินผิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

          การฉีดวิตามินให้ผิวจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดว่าผิวมีความนุ่มลื่นขึ้น และจะเห็นผลในเรื่องของความขาวกระจ่างใสอย่างชัดเจนหลังจากฉีดไปแล้ว 3-4 ครั้ง ซึ่งความถี่ในการฉีดวิตามินผิวนั้นควรฉีดทุกสัปดาห์ในช่วงเดือนแรก และหลังจากนั้นควรฉีดทุกๆ 2 สัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ดริปผิวกี่ครั้งเห็นผล

ฉีดผิวขาว vs เมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร

การฉีดวิตามินผิว คือ การให้วิตามินเข้าสู่กระแสเลือดในร่างกายโดยตรง ส่วนเมโสหน้าใส จะเป็นกระบวนการการใช้ยากระตุ้นคอลลาเจนและวิตามินที่มีความสำคัญต่อผิว โดยการฉีดเข้าในชั้นผิวได้โดยตรง ซึ่งจะมีทั้งวิธีการสะกิดเข็มทั่วใบหน้า หรือการฉีดตัวยาเข้าไป 16 จุดทั่วใบหน้า ที่จะเป็นการฉีดเข้าไปตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ส่งผลให้เกิดกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนังได้ดีขึ้น

โดยทั้งสองหัตถการนี้จะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเหมือนกันในเรื่องของการช่วยทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ลดจุดด่างดำ และช่วยให้รอยสิวดูจางลงเช่นเดียวกับการฉีดวิตามินผิว และในส่วนของความแตกต่างกันนั้นการฉีดวิตามินผิวจะเป็นการปรับเปลี่ยนสีผิวให้กระจ่างใสไปทั้งร่างกาย ต่างจากหัตถการการฉีดเมโสหน้าใสที่จะเน้นปรับเปลี่ยนสีผิวและบำรุงผิวเฉพาะส่วนของใบหน้าให้มีความกระจ่างใสขึ้นเพียงเท่านั้น

ปรึกษาคุณหมอ สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)
ปรึกษาคุณหมอ
สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)

การฉีดวิตามินผิวขาวเหมาะกับใครบ้าง

  • เหมาะสำหรับคนที่บำรุงผิวมาหลายวิธีแล้ว แต่ผิวก็ยังคล้ำเสีย ไม่ขาวขึ้นสักที
  • คนที่ไม่ค่อยสะดวกในการบำรุงผิวแบบจุกจิก เช่นการทาครีม การขัดผิว การเลือกรับประทานอาหาร
  • คนที่ต้องการมีผิวขาวกระจ่างใสอย่างรวดเร็ว
  • คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย
  • คนที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
  • คนที่มีผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใส
  • คนที่มีผิวเสียจากแสงแดด สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • คนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง สิวผด สิวอุดตัน มีสิวอักเสบบ่อย ๆ
  • คนที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง
  • คนที่มีระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เช่น เป็นหวัด โรคภูมิแพ้ 
  • คนที่ต้องการบำรุงสุขภาพผิวตั้งแต่ภายใน ไม่ใช่แค่การทาครีมจากภายนอก
  • คนที่ต้องการกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดผิว

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร
  • คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต เพราะวิตามินบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของไตได้
  • คนที่มีโรคประจำตัวและต้องรับประทานยาประจำ เช่น โรคความดันโลหิตต่ำ โรคหัวใจ โรคตับ โรคไตควรปรึกษาหมอก่อน
  • คนที่มีประวัติการแพ้วิตามินในรูปแบบการฉีด
  • คนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • คนไข้ที่เป็นโรคพร่องเอนไซม์ (G6PD Deficiency)
  • คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกิน เพราะวิตามินซีจะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นอีก จะทำให้ไม่เกิดความสมดุลของแร่ธาตุได้
  • คนที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง และคนที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
หน้าใส

ประโยชน์และข้อดีของการเติมวิตามินผิว

          การเติมวิตามินให้ผิว ฉีดผิวขาว สามารถฉีดได้กับทุกสภาพผิว เพื่อฟื้นฟูและบำรุงผิวตามคุณประโยชน์ดังนี้

  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
  • เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
  • ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขาวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ
  • ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน
  • เห็นผลลัพธ์ทันที
  • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  • ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
  • ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง ดูมีออร่า
  • ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยแผลเป็นจางลง
  • หลังฉีดได้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจนมากกว่าการบำรุงผิวด้วยวิธีอื่น ๆ
  • ช่วยบำรุงและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน ผิวหนัง เป็นต้น
หน้าใส

ฉีดวิตามินผิวแล้วผิวจะขาวขึ้นได้เท่าไหน

สำหรับการฉีดวิตามินผิวนั้น จะช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้จริง ซึ่งผลลัพธ์ของระดับความขาวหลังฉีดจะไม่มากจนเลยระดับผิวหนังเดิมของคนไข้มากนัก แต่จะให้ความรู้สึกนุ่มลื่นขึ้น ผิวเรียบเนียน ฉ่ำวาว ดูมีออร่ามากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย และควรทำการฉีดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำจะช่วยให้ได้ผิวสวยกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ฉีดวิตามินผิว ราคาแพงไหม

          ในการฉีดผิวแต่ละครั้ง ราคาจะขึ้นอยู่กับปริมาณของตัวยาที่แพทย์ประเมินแล้วว่ามีความเหมาะสมที่จะใช้ฉีดผิวของคนไข้ ซึ่งราคาถือว่าไม่แพงมาก อยู่ในหลักพันบาทเท่านั้นเอง ซึ่งหากท่านใดที่ต้องการให้เห็นผลรวดเร็วและคงผลลัพธ์ไว้ได้นาน ๆ ก็ควรเข้ารับการฉีดผิวทุก ๆ สัปดาห์ หรือทุกสองสัปดาห์ตามที่แพทย์แนะนำ

ฉีดวิตามินผิวเป็นอันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่

การดริปวิตามินผิวขาวเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการฉีดสารสกัดที่มีประโยชน์ต่อผิวเข้าสู่ร่างกาย และสารสกัดเหล่านั้นจะสามารถสลายออกไปได้หมด ทำให้ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐานผ่าน อย. รวมถึงได้รับวิตามินในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด เช่น มีรอยเข็ม หรือรอยแดง ซึ่งรอยเหล่านี้จะสามารถหายไปได้เองประมาณ 1-3 วัน

ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะมาจากการฉีดวิตามินผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้ผ่าน อย. สารสกัดที่นำมาฉีดไม่สะอาด มีสิ่งเจือปน และฉีดในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดอันตรายต่าง ๆ ต่อร่างกาย ได้แก่

  • ปวดศีรษะหรือเวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • มีผื่นขึ้นลุกลามทั่วร่างกาย
  • ความดันต่ำ
  • การมองเห็นพร่าเบลอ
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ผิวหนังไหม้ได้ง่าย
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เกิดภาวะช็อก หมดสติ
  • อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
วิตามินผิวใส

การเตรียมตัวก่อนฉีด

          ก่อนจะฉีดผิว ควรมีขั้นตอนการเตรียมตัวต่าง ๆ ดังนี้

 

  • ศึกษาข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับการฉีดผิว ไม่ควรเชื่อโฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริง
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยและเชื่อถือได้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หากมีประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งกับแพทย์ก่อนฉีด

การดูแลตัวเองหลังฉีด

          หลังฉีดผิวแล้วควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำดังนี้เพื่อคงสภาพของผิวเอาไว้ ให้การฉีดผิวขาวได้ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน

  1. หลีกเลี่ยงการออกแดดในวันที่แดดร้อนจัด
  2. แอลกอฮอล์และบุหรี่จะเข้าไปทำลายสารอาหารที่ผิวเราได้รับมา จึงควรงดทั้งสองอย่าง
  3. หลังจากฉีดวิตามินผิว จะช่วยให้ประสิทธิภาพของการใช้ครีมบำรุงผิวและเซรั่มเพิ่มมากขึ้น
  4. ดื่มน้ำสะอาดวันละประมาณ 1-2 ลิตร เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว
  5. ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ ขึ้นไป
  6. ให้หลีกเลี่ยงการนวด ถู เกา บริเวณผิวที่ฉีด
  7. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ผิวหมองคล้ำและมีริ้วรอยมากขึ้น
  8. แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) หรือ PHA (Poly Hydroxy Acid) เพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงมาทดแทน
  9. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารวิตามินและแร่ธาตุอย่างครบถ้วน
  10. หากมีอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีดมากกว่า 2 วัน ควรกลับไปหาแพทย์โดยทันที

รวมข้อควรรู้ก่อนฉีดผิวขาว มีอะไรบ้าง

รูปแบบการฉีดวิตามินผิวขาวมีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันวิธีการฉีดวิตามินผิวขาว มีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ

  • การเติมวิตามินแบบเข็มไซริงค์

เป็นวิธีการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดดำโดยตรงผ่านหลอดเข็มฉีดยา ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที หรือจนกว่าวิตามินจะหมดหลอด และไม่มีการผสมวิตามินกับน้ำเกลือ

  • การเติมวิตามินผิวแบบถุงน้ำเกลือ

เป็นวิธีที่มีการผสมวิตามินกับน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และจะให้ทางเส้นเลือดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง โดยการไหลผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งจะคล้ายกับการให้น้ำเกลือเวลาเจ็บป่วย

ฉีดวิตามินผิวควรทำบ่อยแค่ไหน

เพื่อผลลัพธ์ผิวใสที่ดีมากขึ้น แนะนำให้ทำการฉีดวิตามินผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยการฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นจำนวน 3-5 สัปดาห์ติดต่อกัน แล้วหลังจากนั้นให้ทำ 2-3 ครั้งต่อเดือน จะช่วยบำรุงผิวให้มีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่อยู่นานยิ่งขึ้น

วิตามินผิวที่ All About Clinic มีกี่สูตร ?

ดริปผิวที่ AAC All About Clinic มีด้วยกัน 3 สูตร ซึ่งแต่ละสูตรก็จะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • สูตร Blink 

ช่วยบำรุงผิวให้ใสเป็นธรรมชาติ ผิวเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง มีออร่า ฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น พร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และผิวแข็งแรงสุขภาพดีมากขึ้น

  • สูตร White

ช่วยบำรุงผิวให้ขาว ผิวดูสว่างกระจ่างใส มีออร่า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก โดยจะมีส่วนผสมของวิตามินที่ทำให้ผิวขาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถขับออกได้เอง ไม่มีสารตกค้างสะสมในร่างกาย สามารถฉีดระยะยาวได้ 

  • สูตร Cinderella

ช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน นุ่มชุ่มชื้น และช่วยให้เห็นผลไวกว่าทั้ง 2 สูตร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวขาวแบบเร่งด่วน เช่น ไปออกงาน ไปทะเล ถ่ายแบบ เป็นต้น

หลังฉีดวิตามินผิวใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน

การรับวิตามินผิว เป็นหัตถการที่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างเร็ว โดยจะใช้เวลาประมาณ 20-45 นาทีเท่านั้น และหลังจากเข้ารับการเติมวิตามินผิวแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น แต่ควรดูแลตัวเองและผิวพรรณตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่

ดริปวิตามินผิวมีข้อเสียอย่างไร

  1. ผลลัพธ์ไม่อยู่ถาวร จำเป็นจะต้องทำการเติมวิตามินเป็นประจำ เพื่อคงผลลัพธ์เอาไว้
  2. คนที่มีผิวคล้ำจะไม่สามารถผิวขาวขึ้นได้ในทันที จะต้องใช้ระยะเวลาและควรฉีดเป็นประจำต่อเนื่อง
  3. หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือตัวยาไม่ได้มาตรฐาน และฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้

คำถามที่พบบ่อย

          การฉีดวิตามินผิวใสไม่เป็นอันตรายค่ะ เนื่องจากตัวยาและวิตามินที่นำมาฉีดจะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่ควรระวังการฉีดวิตามินที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ได้ผ่านการขึ้นทะเบียนจากทางองค์การอาหารและยา ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ

          หลังการฉีดวิตามินผิวผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือนค่ะ ซึ่งหากท่านอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้นจะต้องดูแลบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ และไม่ทำพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายผิวของตัวเอง เช่น หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดๆ ทาครีมกันแดดเป็นประจำ นอนหลับให้เพียงพอ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่

          สามารถออกแดดได้ปกติค่ะ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไปก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และแนะนำให้ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เพื่อป้องกันการโดนแสงแดดโดยตรงค่ะ

          การฉีดวิตามินผิวสามารถฉีดได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสมค่ะ

จะเห็นผลลัพธ์การฉีดวิตามินผิวได้หลังจากทำการฉีดไปแล้วประมาณ 3 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 7-14 วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและความถี่ในการฉีดด้วย ซึ่งหากท่านอยากให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แนะนำว่าในช่วงเดือนแรกควรฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นแล้วก็สามารถฉีดทุกๆ 2 สัปดาห์เพื่อคงสภาพผิวไว้ค่ะ

สำหรับราคาการฉีดวิตามิน จะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่เข้ารับการฉีดและตัวยาที่เลือกใช้ค่ะ โดยราคาจะไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ซึ่งท่านควรสอบถามกับทางคลินิกโดยตรง ถึงราคา โปรโมชั่น และตัวยาที่ทางคลินิกจะใช้ ที่ All About Clinic ของเรามีการจัดโปรโมชั่นประจำเดือนอยู่เป็นประจำ ท่านสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการได้เลย คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนค่ะ

          หากหยุดฉีดจะไม่กลับมาคล้ำเหมือนเดิมค่ะ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องดูแลผิวของตัวเองให้ดีควบคู่ไปกับการทาครีมกันแดด การบำรุงผิวด้วยโลชั่น หรือการทานอาหารและผักผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อผิวค่ะ

หัวข้อในบทความ

อ่านบทความล่าสุด

รักษาผมบาง ผู้หญิง มีเทคนิคอย่างไร เห็นผลจริงไหม

Q-Smart Laser คืออะไร ทำไมจึงเหมาะกับผู้ที่ผมร่วง ผมบาง

Q-Smart Laser คืออะไร ทำไมจึงเหมาะกับผู้ที่ผมร่วง ผมบาง

Sculptra คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างจาก ฟิลเลอร์

Sculptra คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างจาก ฟิลเลอร์

รับสิทธิ์ส่วนลด 60% ทุกบริการ