เมโสหน้าใส aac

เมโสหน้าใส ได้ผลจริงไหม แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่น จุดด้อย ต่างกันอย่างไรบ้าง ?

          เมโสหน้าใส อีกหนึ่งนวัตกรรมเพื่อความงาม กระจ่างใสของผิวหน้า ตอบโจทย์คนที่อยากมีผิวเนียนใสดูออร่าแบบสาวเกาหลี Mesotheraphy คือทรีทเม้นท์ผิวหน้าที่ช่วยในการปรับสภาพสีผิวให้ขาวใสอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผ่านขั้นตอนการใช้เข็มสะกิดตัวยาและวิตามินต่าง ๆ เข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว ให้ผิวได้รับการดูดซึมวิตามินอย่างล้ำลึก ประสิทธิภาพเหนือกว่าการบำรุงด้วยเซรั่มหรือครีมบำรุงผิวทั่วไป เห็นผลไว ไม่เจ็บตัว ผลลัพธ์เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

เมโสหน้าใส คืออะไร ?

เมโสหน้าใส หรือ Mesotheraphy คือนวัตกรรมการปรับสภาพผิวหน้า ให้มีความขาวกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอกัน โดยการฉีดสารสกัดเข้มข้นที่มีส่วนประกอบของวิตามินต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ เช่น วิตามินเอ, วิตามินอี, วิตามินซี, คอลลาเจน, คิวเท็น, โคเอนไซม์, และกลูต้าไธโอน ซึ่งจะทำการฉีดเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Dermis) ที่เป็นชั้นผิวที่สำคัญที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้บำรุงได้อย่างล้ำลึกถึงชั้นผิวภายใน นอกจากนี้การฉีดเมโสหน้าใสยังสามารถทำได้ทั้งวิธีการสะกิดเข็มทั่วใบหน้า หรือฉีดตัวยาเข้าใบหน้า 16 จุด เพื่อช่วยให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื่น ช่วยควบคุมให้เม็ดสีทำงานลดลง และช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ เช่น รอยแดงจากสิว รอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ หลังจากฉีดเมโสหน้าใสแล้วจะเห็นได้ว่าผิวหน้ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นผิวเต่งตึง เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอกันมากขึ้น และเป็นหัตถการที่เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมบำรุงทั่วไปที่อาจจะบำรุงเพียงผิวชั้นนอกเท่านั้น

ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยอะไรบ้าง

การทำเมโสหน้าใส เป็นกระบวนการนำสารอาหารและวิตามินเข้าสู่ผิวหน้าที่ได้ประสิทธิภาพมากกว่าการทาครีมหรือเซรั่มบำรุงทั่วไป เพราะตัวยาจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังโดยตรง ซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายดังนี้

  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เหมาะกับคนที่ผิวขาดน้ำ
  • บำรุงผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยให้ผิวสุขภาพแข็งแรง เปล่งปลั่งสดใส ฉ่ำวาว
  • ช่วยให้สภาพผิวดูอ่อนเยาว์
  • ลดโอกาสการเกิดสิว และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต
  • ทำให้รูขุมขนกระชับ รูขุมขนที่กว้างดูเล็กลง
  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
  • ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสสม่ำเสมอกัน
  • ช่วยขับสารพิษที่ตกค้าง ลดการอักเสบของผิว ลดสิว แก้ผดผื่น
  • ฟื้นฟูผิวคล้ำเสียจากแสงแดด
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนังให้ดีขึ้น
  • ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า และลดอาการผิวแพ้ง่าย

เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?

ปัจจุบัน Mesotheraphy มีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อหลากหลายสูตร ซึ่งแต่ละสูตรก็จะช่วยแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งควรเลือกเมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินความเหมาะสมก่อนการฉีดทุกครั้ง โดยยี่ห้อของเมโสที่นิยมในปัจจุบันจะมีด้วยกัน 4 ยี่ห้อหลัก ๆ ดังนี้

1. Exosome

Exosome Skin Booster คือ สารสกัดที่แยกออกมาจาก Stem cell ทำหน้าที่ในการลำเลียงสารประกอบชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิด ที่จำเป็นต่อการซ่อมแซม ฟื้นฟูผิว พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง รูขุมขนกระชับ ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงมากยิ่้งขึ้น

การฉีด Exosome นิยมฉีดแบบทั่วใบหน้า ทำให้หน้าฉ่ำวาว ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี นอกจากนี้ยังนิยมฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อบำรุงและยืดอายุเซลล์ผม ทำให้ลดภาวะการเกิดผมร่วงและหนังศีรษะสุขภาพดีแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ผลลัพธ์หลังฉีด exosome

จุดเด่น : ช่วยในเรื่องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นคอลลาเจน กระชุบรูขุมขน นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสเพิ่มขึ้น

เหมาะกับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวโทรม ผิวอ่อนแอ แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น

2. Hayyan

นวัตกรรมรวมอาหารผิวที่มีส่วนประกอบของวิตามินบำรุงผิวและแร่ธาตุมากถึง 57 ชนิด ซึ่งจะมีความโดดเด่นเรื่องการช่วยลดเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำจากสิว และริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า ช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใสสม่ำเสมอกัน รอยดำและความหมองคล้ำจางลง

คุณสมบัติของ Hayyan

จุดเด่น : ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดผิวอักเสบ ลดผื่นแพ้ ลดสิว ฝ้า/กระ จุดด่างดำ


เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

3. All in Derm

เป็นนวัตกรรมการเติมวิตามินบำรุงผิวกว่า 67 ชนิด ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องของการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง ผิวฉ่ำวาว จุดด่างดำจางลง ช่วยเรื่องหลุมสิว เติมร่องลึกให้ตื้นขึ้น และช่วยรักษาสิว ผดผื่น ลดการอักเสบของผิวได้เป็นอย่างได้

allinderm ช่วยอะไร

จุดเด่น : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย ปรับผิวเรียบเนียน และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ


เหมาะกับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน หรือผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ หน้าโทรมดูไม่สดใส

4. Rejuran

รีจูรัน สารสกัดเข้มข้นจาก DNA ของปลาแซลมอน โดดเด่นในเรื่องของการช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวแข็งแรงดูสุขภาพดี ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดรอยสิว กระชับรูขุมขน และช่วยทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ ผิวดูสดใสฉ่ำวาว มีออร่าแบบสาวเกาหลี

ฉีดรีจูรันกี่ครั้งดี

จุดเด่น : ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ปรับสภาพผิวให้ดูสดใส ฉ่ำวาว ผิวกระจกผิว กระชับรูขุมขน และลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า


เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงแบบเร่งด่วน และผู้ที่ต้องการปรับผิวให้กระจ่างใส ผิวดูฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี

5. P-cell

อีกหนึ่งนวัตกรรมสารสกัดจากอสุจิปลาแซลมอนที่มีคุณภาพ โดดเด่นในเรื่องของการช่วยรักษาหลุมสิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวขาดน้ำ ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น เนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน ช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดสิวอักเสบ แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง และฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงยิ่งขึ้น

P-cell ช่วยอะไรบ้าง

จุดเด่น : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิว รักษาหลุมสิว ลดเลือนริ้วรอย


เหมาะกับ : ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ และผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ

การฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?

การทำทรีทเม้นท์ใบหน้าด้วยเมโสเทอราปี หลัก ๆ แล้วแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดคือการใช้เข็มสะกิดตัวยาลงบนผิวหน้าแบบ ให้ยาซึมลงไปในผิวหนังชั้นตื้นและเพื่อให้วิตามินซึมลงสู่ผิว โดยจะเป็นการสะกิดเข็มแบบกระจายทั่วทั้งใบหน้า เพื่อให้ตัวยาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว 

ข้อดีคือจะไม่ทำให้เจ็บมาก เพราะเป็นเพียงการสะกิดเข็มเบา ๆ เท่านั้น แต่มีข้อควรระวังคือหากในระหว่างทำเครื่องมือไม่สะอาดพอ อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกที่สะอาดได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง

การฉีดแบบ 16 จุด

ฉีดเมโสหน้าใส เทคนิคนี้ เป็นการฉีดตัวยาตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ซึ่งจะช่วยบำรุงสภาพผิวให้มีความกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับแบบสะกิด มีข้อดีคือจะบวมช้ำน้อยกว่า ยาออกฤทธิ์ได้นานกว่า ลดโอกาสเกิดการแพ้หรือติดเชื้อได้ดี 

แต่มีข้อเสียคือเนื่องจากเป็นการฉีดตัวยาลงบนผิวหน้าซึ่งต้องปักเข็มลงไปลึกกว่าแบบสะกิด จึงอาจจะทำให้เกิดความเจ็บมากกว่าเล็กน้อย

รีวิว All in Derm
หลังฉีด All in Derm ครั้งที่ 2
รีวิว Hayyan
หลังฉีด P-cell | Hayyan ครั้งที่ 2
รีวิว Rejuran
หลังฉีด Rejuran ครั้งที่ 1

ฉีดหน้าใสเหมาะกับใคร

เมโสหน้าใส คือการบำรุงผิวหน้าเพื่อผลลัพธ์ดูขาวกระจ่างใสที่เห็นผลได้รวดเร็วกว่าการบำรุงด้วยครีมทั่วไป เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลแบบเร่งด่วน การฉีดเมโสหน้าใสบ่อย ๆ จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้นได้
  • ผู้ที่ต้องการลดรอยดำ ฝ้า กระ และริ้วรอยต่าง ๆ
  • ผู้ที่ผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ อยากให้ผิวขาวกระจ่างใส
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและบำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรง
  • ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบ เป็นสิว ผดผื่น
  • ผู้ที่ต้องการให้ผิวดูอ่อนเยาว์

ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง ?

การบำรุงผิวหน้าด้วยการฉีดเมโสหน้าใสมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง โดยมีดังนี้

ข้อดี

  • เป็นการบำรุงผิวที่เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมบำรุงผิวทั่วไป 
  • ช่วยให้ผิวแข็งแรง และผิวสุขภาพดีขึ้นอย่างปลอดภัย
  • ไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยแดงเกิดขึ้นเล็กน้อย แต่จะหายไปเองภายใน 3 วัน
  • ช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน
  • ช่วยทำให้แต่งหน้าง่ายและติดทนนานขึ้น
  • สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ลดสิว รูขุมขนกว้าง ฝ้า กระ เป็นต้น
  • ป้องกันสิวขึ้นใหม่ และริ้วรอยหรือรอยดำใหม่ในอนาคต

ข้อเสีย

  • ตัวยาไม่อยู่ถาวร สามารถสลายไปเองตามธรรมชาติ
  • อาจเกิดการแพ้ อักเสบ ฟกช้ำ และติดเชื้อจากรอยเข็มได้ หากไม่ได้ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ จะต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ

ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม ?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นตัวยาที่ผ่านการตรวจสอบรับรองจาก อย. ระดับโลก และเป็นการฉีดสารสกัดจากธรรมชาติ ตามหลัก Homeopathy เป็นวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุง และเสริมภูมิคุ้มกันให้ผิวแข็งแรง นอกจากนี้ตัวยายังสามารถสลายไปได้หมดไม่ตกค้างในผิว หลังฉีดไม่ทำให้ผิวบางลง และไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง

แต่ก็มีข้อควรระวัง คือ การฉีดเมโสปลอม หรือเมโสที่ฉีดตามบ้าน หรือสั่งซื้อมาเองตามออนไลน์ ซึ่งจะเป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่าน อย. หากใช้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น อาจจะมีอาการแพ้ เป็นผื่นแดง และเกิดการอักเสบต่อผิวหนังได้ ดังนั้น ควรฉีดด้วยตัวยาแท้ที่ได้มาตรฐานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง และเป็นคลินิกที่ดูน่าเชื่อถือเท่านั้น จะปลอดภัย 100% ค่ะ

เมโสหน้าใส กี่ครั้งเห็นผล ?

โดยปกติการฉีดเมโสหน้าใส จะเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่การฉีดครั้งแรก โดยจะเริ่มเห็นผลหลังฉีดไปประมาณ 3 วัน และจะเห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นใน 7-14 วัน ซึ่งจะเริ่มรู้สึกว่าหน้าดูฟูขึ้น ผิวนุ่มชุ่มชื้นและดูสุขภาพดีมากขึ้น สำหรับความถี่ในการฉีด แพทย์จะแนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้งในเดือนแรก แล้วในเดือนต่อไปให้ฉีดทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื่อคงสภาพผิวที่ดูดีไว้ เนื่องจากเมโสหน้าใสจะไม่อยู่ถาวร จะสามารถสลายหายไปได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่มีสารตกค้าง และในส่วนของผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน (บางยี่ห้ออาจจะอยู่ได้นานถึง 6 เดือน)

เมโสหน้าใส ทำกี่ครั้งเห็นผล

การเตรียมตัวก่อนฉีด

  1. ศึกษาการฉีดเมโสหน้าใสเบื้องต้น มองหาคลินิกที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีรีวิวที่เชื่อถือได้
  2. เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำว่าควรฉีดเมโสหน้าใสแบบไหนดี
  3. สอบถามยี่ห้อของตัวยาที่ใช้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
  4. หากมีการแพ้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการฉีด
  5. สตรีมีครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร ไม่ควรฉีดเมโสเทอราปี

การดูแลตัวเองหลังฉีด

หลังจากฉีดไปแล้ว ไม่ต้องมีการพักฟื้น ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ เพื่อประสิทธิภาพของตัวยาที่จะทำงานได้อย่างดีที่สุด

  1. หลังฉีดไม่ควรนวด กด บริเวณที่ฉีดทันที
  2. งดทาครีมบำรุงผิวบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
  3. หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นได้ใน 48 ชั่วโมงแรก
  4. หลังจากนั้นเปลี่ยนมาเป็นประคบอุ่นแทนเพื่อลดอาการบวม
  5. หลีกเลี่ยงแดด ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  6. งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์
  7. ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 
  8. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดนอน

เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่

คนที่สนใจฉีดหน้าใสคงต้องตั้งคำถามว่า เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่ การทำเมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่ราคาไม่แพงมาก เริ่มต้นหลักพันเท่านั้นเอง ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามโปรโมชั่นกับทางคลินิกได้โดยตรง ราคาอาจมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อของตัวยาที่ใช้ฉีด และจำนวนครั้งที่ฉีดก็มีผลด้วยเช่นกัน

โดยในเดือนแรก แพทย์แนะนำให้ฉีดเมโสหน้าใสสัปดาห์ละครั้ง และค่อยปรับเปลี่ยนเป็นสองสัปดาห์หนึ่งครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่จะคงอยู่อย่างยาวนาน

ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี ?

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี สิ่งแรกที่ควรคำนึงเป็นอย่างแรกคือความปลอดภัย และควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการและคลินิกที่จะเข้ารับการรักษาก่อน โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้

  • คลินิกได้มาตรฐาน มีใบประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข
  • แพทย์มีประสบการณ์และมีใบประกอบวิชาชีพ
  • ใช้เมโสหน้าใสแท้ที่ผ่าน อย. สามารถตรวจสอบได้
  • ภายในคลินิกสะอาด ปลอดเชื้อ ได้มาตรฐาน
  • อุปกรณ์ต่าง ๆ ทันสมัย และอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
  • ห้องสำหรับการทำหัตถการกว้างขวาง สะอาด ไม่แออัด
  • คลินิกตั้งอยู่ในทำเลที่ดี คนพลุกพล่าน เดินทางสะดวก
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากคนไข้จริง
  • มีช่องทางให้คนไข้สามารถติดต่อกับหมอได้โดยตรง
  • มีการให้คำแนะนำที่ตรงจุดและติดตามผลหลังการรักษา

ดังนั้น คนไข้ควรเลือกฉีดเมโสหน้าใสกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง สถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และดูน่าเชื่อถือ ซึ่งที่ All About Clinic ของเรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินผิวหน้าของคนไข้และเลือกสูตรหรือยี่ห้อเมโสที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคนไข้แต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งสามารถเข้ารับการปรึกษากับคุณหมอที่ All About Clinic ได้ทุกสาขา หรือติดต่อกับหมอโดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ : Line @AACTHAILAND

คำถามที่พบบ่อย

การฉีดเมโสหน้าใสจะเริ่มเห็นผลวันที่ 3 หลังการฉีด และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นในวันที่ 7-14 ซึ่งหากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีในเดือนแรกควรฉีดสัปดาห์ละครั้ง และในเดือนต่อไปจะฉีดทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยเมโสหน้าใสอยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอค่ะ แล้วจะสลายหายไปเองตามธรรมชาติ

สำหรับการฉีดเมโสหน้าใสจะมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย คือ การมีรอยเข็มตามใบหน้าที่เกิดขึ้นจากตอนฉีดตัวยา แต่รอยเข็มเหล่านี้จะหายไปเองใน 1-3 วัน หรืออาจจะมีตุ่มนูนๆ ตรงบริเวณที่ฉีด แต่เมื่อตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหมดแล้วก็จะยุบลงไปเอง ซึ่งคนไข้ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะการฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงมากค่ะ

การฉีดเมโสหน้าใสสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นเป็นต้นไป ซึ่งจะเริ่มฉีดที่อายุ 15 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดสิวอักเสบ สิวจากอาการแพ้ หรือสิวอุดตัน ที่มักพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กวัยรุ่นค่ะ

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการทำหัตถการผ่านการฉีดเข็มลงใต้ผิวหนังชั้นกลาง โดยจะไม่มีการแปะยาชา ซึ่งท่านจะรู้สึกตอนที่แพทย์ทำการฉีดแต่ความเจ็บจะอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ค่ะ เนื่องจากปริมาณตัวยาไม่มากและใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้การประคบน้ำแข็งก่อนฉีดจะสามารถช่วยลดความเจ็บปวดลงได้ค่ะ

หลังฉีดเมโสหน้าใส ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เนื่องจากแอลกอฮอล์และสารนิโคตินในบุหรี่จะส่งผลทำให้เมโสเสื่อมสภาพได้ไวขึ้น และผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน

หลังฉีดเมโสหน้าใส สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรรอให้แผลจากรอยเข็มปิดสนิท เพื่อลดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยรอประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากฉีดไปแล้วค่ะ

ปรึกษาหมอฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)
ปรึกษาหมอฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
สแกน QR Code หรือแอดไลน์ Official @aacthailand (มีแอดด้านหน้า)