กรามใหญ่ แก้มเยอะ หน้าไม่เรียว สารพัดปัญหาหนักใจของใครหลายคน การร้อยไหมเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้โดยไม่ต้องมีการผ่าตัด ปัจจุบันหลายคนหันมาเลือกทำหัตถการร้อยไหมกันมากขึ้น โดยเฉพาะ ไหมมิ้นท์ (MINT LIFT) ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในขณะนี้ ด้วยเพราะค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก ไม่เสียเวลาพักฟื้น ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ยกกระชับผิว ลดริ้วรอยร่องลึกที่หัตถการอื่นไม่สามารถทำได้
เพราะปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย คือสาเหตุของการทำลายความมั่นใจของใครหลายคน การร้อยไหมนอกจากจะแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่นแล้วยังช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นจากภายใน ผิวดูกระชับ แลดูอ่อนเยาว์
อ่านบทความเพิ่มเติม : รวมวิธีลดแก้ม ลดเหนียงกรอบหน้าชัด เห็นผลจริง เห็นผลไว มีอะไรบ้าง
การร้อยไหม เป็นหัตถการช่วยในการยกกระชับใบหน้า โดยการนำเส้นไหมละลายขนาดเล็ก ร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง หลังจากนั้นบริเวณที่ถูกร้อยไหมจะมีการอักเสบและเริ่มกระตุ้นคอลลาเจน พร้อมกับสร้างเส้นใยอิลาสตินเพิ่มขึ้นบริเวณแนวเส้นไหม ทำให้ผิวหน้ามีการยก และดึงรั้งขึ้นตามแนวของเส้นไหม ส่งผลให้ผิวดูกระชับ เด็กลง และผิวดูเปล่งปลั่งขึ้น จากการที่เลือดมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น
การร้อยไหม จัดเป็นหัตถการยกกระชับผิวหน้าที่เห็นผลชัด รวดเร็ว และอยู่ได้นาน โดยเส้นไหมจะเริ่มสลายประมาณ 8 เดือน แต่ผลลัพธ์ต่อเนื่องที่ได้คือคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวเต่งตึง ใบหน้ายกกระชับ เห็นผลนานถึง 2 ปีเลยทีเดียว
สำหรับเส้นไหมที่มีการนำมาทำหัตถการร้อยไหมนั้น เป็นไหมชนิดเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ (polydioxanone หรือ PDO) ทำให้โอกาสแพ้ หรือเกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ กับผิวหนังนั้นน้อยมาก โดยเส้นตไหมที่นำมาใช้ทำหัตถการจะแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
ประเภทไหมแบบเงี่ยงหรือแบบเกลียว ได้แก่ ไหมกุหลาบ ร้อยไหมก้างปลา นิยมใช้ร้อยเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น เส้นไหมมีลักษะยาวและใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับไหมเส้นเล็ก มีเงี่ยงอยู่รอบ ๆ โดยเมื่อร้อยเข้าไปแล้วเงี่ยงของไหมนี่เองที่จะช่วยยกเนื้อที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้นมา
เหมาะกับคนที่มีปัญหาเหนียงย้อย คนที่อยากได้หน้าวีเชฟ ซึ่งในการร้อยจะใช้จำนวนเส้นไหมที่น้อยกว่าไหมสั้น เห็นผลรวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
เหมาะกับ : การยกกระชับผิวบริเวณคาง หรือผิวที่มีความหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับเป็นพิเศษ
ประเภทไหมแบบเรียบ ได้แก่ ไหมพีดีโอ (PDO) ไหมคอลลาเจน นิยมใช้ร้อยไหมเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวกระชับ เส้นไหมมีลักษณะเรียบ เส้นบาง ไม่มีเกลียว เหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ เมื่อร้อยไหมแล้วจะทำให้ผิวดูเฟิร์มมากขึ้น
ในการร้อยจะใช้จำนวนเส้นไหมเยอะ และด้วยความที่เป็นไหมเส้นเล็กจึงเหมาะสำหรับเป็นตัวช่วยเสริมไหมชนิดอื่น ที่มีขนาดใหญ่จนไม่สามารถร้อยจุดเล็ก ๆ บางจุดได้ เช่นบริเวณร่องแก้ม
เหมาะกับ : การร้อยไหมบริเวณคอ หน้าผาก ใต้ตา ช่วยให้มีความเต่งตึง การยกกระชับจะไม่เท่าไหมชนิดยาว
หากถามว่าร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ซึ่งการร้อยไหมเพื่อดึงหน้าหรือยกกระชับหน้านั้น อาจจะต้องใช้ไหมที่แตกต่างกันออกไปตามปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์และความแข็งแรงของเส้นไหมหรือเงี่ยงที่เกาะผิวด้วย หากเป็นไหมที่มีความแข็งแรง ไม่หัก ไม่เปราะง่าย ก็จะช่วยยึดเกาะกับเนื้อเยื่อผิวได้ดีและแน่นยิ่งขึ้น ทำให้ไม่หลุดได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งเลือกร้อยไหมแบบไหนดีที่สุด มีข้อแนะนำดังนี้
ทั้งนี้ การเลือกร้อยไหมแบบไหนที่ดีที่สุด ก็ควรเลือกใช้ไหมที่เหมาะสมกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินเพื่อช่วยแก้ไขให้ตรงจุดมากที่สุด และเพื่อให้ผลลัพธ์ของการยกกระชับคงสภาพได้อย่างยาวนาน
สามารถทำได้หลายจุดเพื่อปรับรูปหน้าให้กระชับ แก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ส่วนใหญ่นิยมร้อยไหมตามจุดต่าง ๆ ดังนี้
อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหมจมูก vs เสริมซิลิโคนจมูก ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
หลังจากหาข้อมูลเกี่ยวกับการร้อยไหม คลินิกที่น่าเชื่อถือ ไหมที่ใช้ร้อย และข้อมูลอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว ยังมีข้อที่ควรปฏิบัติดังนี้
หลังร้อยไหมแล้วควรดูแลตัวเองตามข้อปฏิบัติดังนี้
ร้อยไหมมิ้นท์ (MINT LIFT) คือ นวัตกรรมเสริมความงามที่ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เข้ารูป โดยการใช้ไหมลิฟติ้ง หรือไหมยึดเซลล์ผิวหน้า ซึ่งไหมมิ้นท์ย่อมาจากคำว่า “Minimally Invasive Nonsurgical Thread” เป็นไหมที่ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ ทำมาจากวัสดุ Polydioxanone (PDO) ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้ V-Shape ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
นอกจากนี้ยังเป็นไหมมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายไปได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย และได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งอเมริกา (USFDA), เกาหลี (KFDA), ไทย (ThaiFDA), อินเดีย, เม็กซิโก และฝั่งยุโรป (CE mark)
ไหมมิ้นท์ หรือบางที่อาจจะเรียกว่า ไหมกุหลาบ จะมีลักษณะเป็นเส้นสีน้ำเงิน ที่ละลายได้เอง และถูกนำไปใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจและใช้ในวงการแพทย์มานานกว่า 30 ปี โดยไหมมิ้นท์มีคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างจากไหมอื่น ดังนี้
Mint Lift เป็นเส้นไหมยาวและมีเงี่ยงอยู่รอบเส้น ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับก้านดอกกุหลาบ โดยไหมมิ้นท์จะมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ
สำหรับการร้อยไหมมิ้นท์ที่เป็นไหมแบบ 3 มิติ ซึ่งจะมีเงี่ยงหรือตะขอรอบทิศทาง หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือไม่มีประสบการณ์ ทำการรักษาโดยใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง ร้อยไหมตื้นเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดรอยคลื่น ผิวไม่เรียบเนียน หน้าบุ๋ม และเป็นอันตรายในระยะยาวได้ รวมทั้งหากมีการร้อยไหมทับซ้อนกันมากเกินไป ก็จะมีโอกาสเกิดพังผืดใต้ผิวหนังในอนาคตได้ ดังนั้นข้อควรระวังควรทำการรักษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์สูง และคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
หลังทำการรักษาด้วยร้อยไหม MINT จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ซึ่งคนไข้จะรู้สึกว่าผิวหน้าที่หย่อนคล้อยจะดูยกกระชับขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นใน 1-2 เดือน โดยผิวจะค่อย ๆ กระชับ ร่องแก้ม ร่องมุมปาก จะดูตื้นขึ้น ทั้งนี้หลังทำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้อาการบวมช้ำลดลงได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลลัพธ์ได้ไวและนานขึ้น
ร้อยไหมมิ้นท์ เป็นหัตถการปรับรูปหน้าที่จะช่วยยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึง เรียบเนียน ด้วยวัสดุ Polydioxanone (PDO) ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เอง โดยไม่มีสารตกค้างใด ๆ ในร่างกาย และยังเป็นเส้นไหมที่มีความพิเศษ แข็งแรง ยึดเกาะกับชั้นผิวได้ดี รวมถึงคงผลลัพธ์หน้าเรียวได้นานกว่าการร้อยไหมแบบทั่วไป
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ปลอดภัย ไม่อันตรายต่อร่างกาย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ใช้ไหมที่มีคุณภาพ และเป็นไหมละลายที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. รวมทั้งทำในคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีขั้นตอนการทำหัตถการที่ปลอดเชื้อ มีความสะอาด ไม่มีการปนเปื้อน ก็จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้เส้นไหมยังสามารถละลายหายไปได้เองเมื่อผ่านไปประมาณ 6-18 เดือน ทำให้ไม่มีสิ่งตกค้างในร่างกายจึงไม่เป็นอันตรายนั่นเอง
โดยการร้อยไหมที่จะเป็นอันตรายมักจะเกิดจากการร้อยไหมปลอม ไหมที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือทำกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญไม่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะส่งผลให้หน้าเบี้ยว หน้าเป็นลอนคลื่น หน้ายุบลงไปดูไม่สวยงาม รวมถึงการใช้ไหมปลอม หรือไหมที่ไม่สามารถละลายได้ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดเป็นพังผืดใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เป็นอันตรายในระยะยาวได้
เป็นคำถามที่หลายคนกังวลว่า การร้อยไหม เจ็บหรือไม่ ซึ่งการร้อยไหมเป็นหัตถการปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ด้วยวิธีร้อยไหมเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับ และในขั้นตอนการร้อยไหมแพทย์จะมีการฉีดยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บของคนไข้ ดังนั้นใครที่กลัวเจ็บจึงไม่ต้องกังวลเลย คุณจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยในขณะที่ทำการฉีดยาชาเท่านั้น
อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหม เจ็บไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร รวมเรื่องที่ต้องรู้ก่อนร้อยไหม
หลังร้อยไหมแล้วผิวเกิดเป็นไต ซึ่งจะมีลักษณะเป็นก้อน เป็นไต สามารถจับและสัมผัส หรือเห็นเป็นก้อนชัดได้ในช่วงแรก เกิดจากเส้นไหมดึงผิวหนังที่หย่อนคล้อยขึ้นไปรวมกัน เพื่อให้ผิวหน้ากระชับขึ้น แต่อาการเหล่านี้จะไม่อยู่ถาวร สามารถหายไปได้เอง เมื่อไหมเกิดการเซตตัวและเข้าที่แล้ว
หากเกิดอาการไหมขาดอาจจะรู้สึกว่าไหมดีดหน้า หรือมีอาการเจ็บแปล๊บบริเวณที่ทำการร้อยไหมไป และอาจจะทำให้เกิดเป็นรอยช้ำม่วง ๆ ได้ ซึ่งอาการนี้มักมีสาเหตุมาจากการที่แพทย์ใช้เส้นไหมละลายที่ไม่มีคุณภาพ ใช้ไหมที่เส้นเล็กเกินไป หรือเลือกใช้ไหมผิดประเภทในจุดที่ทำการร้อยไหม รวมทั้งการแสดงสีหน้ามาก ๆ หรืออ้าปากกว้างเกินไปจนดึงรั้งไหม ซึ่งแพทย์ก็จะแนะนำในช่วงแรก ๆ หลังทำว่า ไม่ควรอ้าปากกว้าง หรือแปรงฟันแรง ๆ
เป็นปัญหาหลังร้อยไหมที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนไข้ทุกคน ซึ่งใบหน้าจะมีลักษณะเป็นคลื่น สัมผัสแล้วรู้สึกว่าผิวไม่เสมอกัน มีสาเหตุมาจากการดึงไหม แต่จะสามารถหายไปเองได้ เมื่อไหมเข้าที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการบวมของยาชา หรือการดึงไหมที่ยกหน้าขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน โดยจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ และสามารถหายไปได้เองภายใน 2 ชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับอาการไหมเคลื่อนมักเกิดจากสาเหตุคล้าย ๆ กับอาการไหมขาด หลังจากที่มีการแสดงสีหน้าแรง ๆ หรือมีการเคี้ยวอาหารแรงจนเกินไป จะทำให้ผิวค่อย ๆ หย่อนคล้อยลงมาจากเดิมเล็กน้อย หรืออาจมีอาการเจ็บและมีอาการเขียวช้ำบริเวณที่ร้อยไหมได้
ในส่วนของปัญหาหลังทำแล้วหน้าไม่ยก ไม่เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของใบหน้า อาจเกิดจากการใช้ชนิดไหมหรือจำนวนเส้นไหมที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาของผิวหน้า เส้นไหมไม่มีคุณภาพ ไม่มีความแข็งแรงในการดึงผิว รวมถึงความไม่ชำนาญของแพทย์ ก็จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
ปัญหาหน้าบุ๋ม หรือหน้ายุบลงไป เกิดจากแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ไม่มีความชำนาญ อาจทำการดึงเส้นไหมตึงเกินไป ซึ่งหากคนไข้บางเคสมีผิวที่หย่อนคล้อยเยอะ ผิวก็จะถูกดึงรั้งมาก จึงทำให้เกิดรอยบุ๋มหรือเป็นร่องขึ้น และการดึงตึงเกินไปก็จะเสี่ยงต่อการเกิดไหมขาดได้ง่าย ทั้งนี้อาการหน้าบุ๋มจะสามารถหายไปเองได้ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป
อาการแพ้ไหมที่ใช้ในการร้อยไหม จะทำให้ผิวมีลักษณะบวมแดง หรือมีตุ่มแดงเกิดขึ้นในบริเวณที่ร้อยไหม และอาจมีอาการคันบริเวณตุ่ม ซึ่งหากมีอาการแพ้ที่รุนแรงอาจทำให้เกิดการปวดเรื้อรัง เส้นประสาทเสียหาย หรือมีเลือดออก จึงควรกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการและทำการรักษา
โดยปกติแล้วหลังทำการร้อยไหม หน้าจะมีอาการบวมมากขึ้น แล้วจะเริ่มยุบลงเองประมาณ 14 วัน และจะเข้าที่หรือเห็นผลชัดเจนประมาณ 2 เดือน แต่หากมีอาการบวมอยู่ แก้มยังไม่ยุบลง อาจเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
คนที่มีแก้มเยอะ อาจจะทำให้ดึงไหมตึงมากเกินไป หรือดึงไหมเยอะ ส่งผลให้เนื้อแก้มไปกองตรงโหนกแก้ม ทำให้หน้าดูใหญ่ หรือดูบวมมากขึ้น และอาจบวมนานเกิน 1 เดือน แล้วต้องรอให้ไหมเริ่มคลายลงประมาณ 2-3 เดือน ใบหน้าถึงจะค่อย ๆ ดีขึ้น ดังนั้นคนไข้ที่มีเนื้อแก้มเยอะ แพทย์จะแนะนำให้ทำการฉีดเมโสแฟตก่อนทำการร้อยไหม
การดึงไหมที่ผิวแนว เช่น ร้อยไหมเพื่อดึงร่องแก้มหรือแก้มตอบ โดยการดึงไหมขึ้นไปจะทำให้โหนกแก้มดูมีเนื้อเยอะขึ้น แก้มดูใหญ่ ใบหน้าก็จะดูบวมขึ้นด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วการร้อยไหมจะเป็นการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณใกล้ ๆ มุมปาก และกรอบหน้ามากกว่า ทำให้ผิวหน้าดูกระชับเต่งตึงได้ดียิ่งขึ้น
อาการบวมเลือด เกิดจากการมีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma) ส่วนอาการบวมน้ำนั้น จะเกิดจากการมีน้ำคั่งในชั้นผิวจากการอักเสบ (edema) ทำให้หลังร้อยไหมไปจะทำให้ใบหน้าดูบวม แต่อาการเหล่านี้จะสามารถยุบหายไปได้เองประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย
การร้อยไหม เป็นหัตถการที่ใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดเข้าไปในชั้นผิวหนัง โดยเงี่ยงไหมจะทำการยึดเกาะกับชั้นผิวและดึงยกกระชับขึ้น ซึ่งจะเป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับการยกกระชับผิว ยกหน้า ปรับรูปหน้าให้วีเชฟ ให้เรียวสวยได้รูป และเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีเนื้อแก้มหย่อน ๆ หากทำการร้อยไหมจะช่วยยกผิวให้เต่งตึงขึ้นได้อย่างชัดเจน
ในส่วนของหัตถการ ฟิลเลอร์ นั้น จะเป็นการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA เพื่อช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง ให้กลับมาดูอิ่มฟู กระชับ เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกในบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูก เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม พร้อมทั้งช่วยเสริมในส่วนที่ต้องการ เช่น หน้าผาก หรือขมับ และสามารถฉีดบริเวณคาง เพื่อปรับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าเรียวสวย กรอบหน้าคมชัด เหนียงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ ทั้ง 2 หัตถการนี้สามารถทำควบคู่กันได้ โดยการเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า และร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิว ซึ่งจะช่วยทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเรียวสวย ผิวหน้าเรียบเนียน ดูนุ่มชุ่มชื้นน่าสัมผัส และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่สนใจอยากร้อยไหมมิ้นท์ หรือมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย อยากปรับรูปหน้า และลดริ้วรอย สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ All About Clinic ของเราได้ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : Line @AACTHAILAND ค่ะ
การร้อยไหมมิ้นท์จะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที แต่จะเข้าที่และชัดเจนที่สุดประมาณ 1-2 เดือน หลังจากร่างกายได้มีการพักฟื้นแล้ว โดยไหม MINT เป็นไหมชนิด Polydioxanone (PDO) ซึ่งจะสลายไปเองเมื่อมีระยะเวลาผ่านไปประมาณ 6-8 เดือน แต่จะยังคงสภาพผิวกระชับต่อเนื่องได้นานถึง 12-18 เดือน เนื่องจากเส้นไหมมีความพิเศษที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้ยาวนาน และสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในชั้นผิวหนังเพื่อช่วยพยุงผิวได้นานขึ้น ทั้งนี้ระยะเวลาของผลลัพธ์ก็อาจจะแตกต่างกันออกไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหรือการใช้ชีวิตประจำวันของคนไข้ รวมถึงความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย
สำหรับการร้อยไหมสามารถทำควบคู่ไปกับการโบท็อกได้ โดยที่จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากจะมีการทำงานกันคนละอย่างและคนละชั้นผิว ท่านสามารถทำวันเดียวกันได้เลยค่ะ
หลังจากการร้อยไหม ไม่ควรคว่ำหน้าหรือนอนตะแคง ประมาณ 1-3 วันแรก เพราะอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บในบริเวณที่ทำการร้อยไหม หรืออาจให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากมีสัมผัสผิวกับหมอน ขอแนะนำให้นอนหงายแทนค่ะ
หลังจากร้อยไหมไม่ควรทาครีมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง หรือแต่งหน้าในทันที เนื่องจากอาจจะทำให้ติดเชื้อบริเวณที่มีรอยเข็มได้ ซึ่งควรทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากนั้นสามารถทาครีมและแต่งหน้าได้ตามปกติ นอกจากนี้หลังจากร้อยไหมไม่ควรนวดหน้าแรงๆ ในบริเวณตำแหน่งที่ร้อยไหมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ด้วยค่ะ
สำหรับการร้อยไหมจะไม่ได้ช่วยลดแก้มหรือลดไขมันที่มีอยู่บนใบหน้า แต่การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเต่งตึงและเรียวมากยิ่งขึ้น