ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน เป็นหนึ่งในปัญหาที่ไม่ว่าจะเพศชายหรือเพศหญิงต่างก็ต้องเคยพบเจอ โดยเฉพาะเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นก็จะยิ่งประสบกับปัญหาผมร่วงได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็อาจจะมาจากความเครียด ฮอร์โมน หรือพันธุกรรม แต่สำหรับใครที่กำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมที่จะช่วยลดผมร่วง และกระตุ้นรากผมให้แข็งแรงมากขึ้น ด้วยการฉายแสงลดผมร่วง Ultra Light Hair Therapy ฉายแสง LED
โดยการฉายแสงลดผมร่วงนี้ สามารถรักษาได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว และเห็นผลลัพธ์ไว โดยเฉพาะหากฉายแสงควบคู่ไปกับการบำรุงเส้นผมด้วยการผลักตัวยาให้ลึกลงถึงรากผม ด้วย Anti Hair Loss Program นวัตกรรมจาก All About Clinic ก็จะช่วยฟื้นฟูให้ผมกลับมาแข็งแรง สุขภาพดี เงางาม และลดการขาดหลุดร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ฉายแสงกระตุ้นรากผม Ultra Light Hair Therapy คือ เทคโนโลยีฉายแสงที่จะช่วยลดผมร่วง รักษาปัญหาผมบาง และฟื้นฟูบำรุงรากผมที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรง โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ซึ่งแสง LED จะตรงเข้าไปกระตุ้นได้ลึกถึงรากผมทำให้เส้นผมแข็งแรง หนา และเส้นใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาหนังศีรษะมัน หนังศีรษะแห้ง มีรังแค มีอาการคัน และลดอัตราการร่วงของเส้นผมได้เป็นอย่างดี และหากทำหลังจาก ปลูกผม จะช่วยให้กราฟผมหนาแน่นและเกิดผมใหม่ไวขึ้นด้วย
เครื่องฉายแสง LED เป็นเครื่องขนาดใหญ่ โดยมีคลื่นสีแดงที่มีความยาวคลื่น 660 นาโนเมตร ซึ่งจะทำการฉายแสงลงไปทั่วบริเวณเส้นผมและหนังศีรษะที่มีปัญหา คลื่นสีแดงจะมีการทำงานที่ช่วยเผาผลาญและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ และช่วยในการเติมออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวหนังศีรษะให้ซึมลึกลงไปในรูขุมขน อีกทั้งฉายแสงลดผมร่วงยังช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) ในร่างกาย ทำให้การไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวหนังเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยตัวแสงจะเข้าไปช่วยกระตุ้นรากผมของเราให้งอกขึ้นใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น
ฉายแสงลดผมร่วง LED นอกจากจะช่วยในการฟื้นฟูและกระตุ้นรากผมให้แข็งแรงแล้ว ยังมีข้อดีในส่วนอื่น ๆ ได้แก่
การเกิดผมร่วง เป็นการสูญเสียเส้นผมบนหนังศีรษะ โดยทั่วไปแล้วคนเราจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้น หลังจากนั้นก็จะมีการเกิดเส้นผมขึ้นมาใหม่ตามวงจรชีวิตของเส้นผม ซึ่งเส้นผมจะมีความหนาแน่นมากที่สุดและเส้นใหญ่ที่สุดจนถึงอายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นเมื่อมีอายุมากขึ้น ความหนาแน่นและขนาดของเส้นผมก็จะเริ่มลดลง เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมก็จะเริ่มสั้นลง ส่งผลให้มีผมร่วงถี่ขึ้นและผมบางลงได้ ทั้งนี้ ภาวะผมร่วงก็สามารถเกิดขึ้นได้แบบถาวรหรือแบบชั่วคราว และในผู้ที่มีอายุน้อยด้วยเช่นกัน โดย สาเหตุผมร่วง มีด้วยกันจากหลากหลายปัจจัย ดังนี้
สาเหตุของผมร่วงที่พบได้บ่อยมาจากการที่คนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง หัวล้าน ซึ่งสาเหตุมาจากการพันธุกรรมนั่นเอง โดยสามารถพบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเพศชายเนื่องจากมีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ฮอร์โมน DHT โดยฮอร์โมน DHT นี้ เป็นฮอร์โมนที่สร้างมาจากฮอร์โมนเพศที่เรียกว่า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เมื่อเทสโทสเตอโรนเข้ามาที่เนื้อเยื่อบริเวณรากผม เอนไซม์ในบริเวณนั้นก็จะเปลี่ยนเทสโทสเตอโรนให้เป็นฮอร์โมน DHT ส่งผลทำให้วงจรการเติบโตของเส้นผมสั้นลง และผมที่เกิดใหม่ก็จะค่อย ๆ เส้นเล็กลงและบางลงไปเรื่อย ๆ
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถส่งผลให้เกิดผมร่วงได้ชั่วคราว เช่น คุณแม่ช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่ช่วงหลังคลอด การเลิกใช้ยาคุมกำเนิด หรือวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย เมื่อคุณแม่ที่คลอดบุตรแล้วระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงทันทีอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้มากขึ้น แต่ภาวะผมร่วงนี้จะกลับสู่ภาวะสมดุลเป็นปกติในช่วง 3-6 เดือนนั่นเอง
สำหรับการขาดสารอาหาร เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก และสารอาหารอื่น ๆ อาจทำให้ผมหลุดร่วง และผมบางได้ เนื่องจากสารอาหารบางชนิดจะช่วยบำรุงเส้นผมได้ดี เช่น โปรตีน โอเมก้า 3 และวิตามินบี ซึ่งหากขาดสารอาหารนี้จะทำให้ผมแห้ง ผมร่วง และเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตได้
สารเคมีจากการทำสี ดัด ย้อม ฟอก หรือการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจจะทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนและอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ส่งผลให้หนังศีรษะอักเสบ และมีผมร่วงตามมาได้ หรืออาจจะมีอาการรุนแรงแสบร้อน และมีหนังศีรษะลอกออกมาร่วมด้วยได้
ความเครียดทำให้เส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากเมื่อมีความเครียดร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกว่าฮอร์โมนแห่งความเครียดเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลต่อสุขภาพเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอและมีวิงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ
การใช้ยารักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคไขข้อเสื่อม ไขข้ออักเสบ ภาวะซึมเศร้า ยาลดความเครียด ยาลดความดันบางชนิด รวมถึงยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินสังเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของรากผม ทำให้เกิดผมร่วง แต่เมื่อมีการหยุดยาและวิตามินเสริมเหล่านั้น ก็จะกลับมาเป็นปกติ
แม้ว่าการฉายแสงรักษาผมร่วง LED จะไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาว ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บ ไม่มีแผล และไม่ต้องโกนผม แต่ก็มีข้อควรปฏิบัติหลังการรักษา ดังนี้
ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของแต่ละบุคคล หากพบอาการผิดปกติหลังการรักษาควรปรึกษาแพทย์ทันที
สำหรับราคาในการทำ Ultra Light Hair Therapy ฉายแสงกระตุ้นรากผม หรือการฉายแสง เฉพาะจุดบริเวณหนังศีรษะที่ All About Clinic จะเริ่มที่ราคา 1,999 บาท และหากทำรวมกับโปรแกรมแอนตี้แฮร์ลอสจะเริ่มต้นที่ราคา 5,900 บาท ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้นนอกจากนี้ทาง AAC ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดตลอดทั้งเดือนให้ทุกท่านเลือกใช้บริการได้ตามความเหมาะสม ติดตามได้ที่ : รวมโปรโมชั่น All About Clinic
โดยปกติแล้วสำหรับผู้ที่ต้องการให้เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมที่แข็งแรงและหนาขึ้นอย่างชัดเจน แพทย์จะแนะนำให้คนไข้เข้ารับการรักษา 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เนื่องจากใช้ระยะเวลาไม่นาน และเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับประทานยา หรือไม่ต้องการเจ็บตัวจากการผ่าตัด นอกจากนี้ควรทำร่วมกับโปรแกรมรักษาผมร่วงอื่น ๆ ด้วย เช่น PRP และ Anti Hairloss Program เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งจะทำให้ยิ่งเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อทำเป็นประจำ
ทั้งนี้ สำหรับการลดปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวล้าน ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การปลูกผมถาวร, การฉีด PRP ผม, รักษาผมร่วงด้วยโปรแกรมแอนตี้แฮร์ลอส หรือการทานยา แก้ผมร่วง Finasteride และยา Minoxidil รวมถึงการรักษาผมร่วงด้วยเทคโนโลยีฉายแสง LED ที่เป็นวิธีที่สะดวกสบาย ใช้ระยะเวลารักษาไว เห็นผลเร็ว ราคาไม่แพง พร้อมช่วยแก้ปัญหาศีรษะล้านได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพมาก
1. Ultra Light Hair Therapy ทำให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงไหม
การรักษาผมร่วงด้วยโปรแกรม Ultra Light Hair Therapy หรือการฉายแสง LED จะช่วยกระตุ้นรากผมที่อ่อนแอลง เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์รากผม ทำให้เกิดปัญหาที่ ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญของเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างสารพลังงานสูงให้กับเซลล์นั้น เมื่อเกิดปัญหาทำให้มีการสร้างไม่เพียงพอต่อความต้องการของเซลล์รากผมจึงอ่อนแอและขาดความแข็งแรง ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงไปในที่สุด ดังนั้นการฉายแสงกระตุ้นรากผมจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของไมโตคอนเดรียให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอีกครั้ง จึงช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมและทำให้ผมมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วยนั่นเอง
2. ฉายแสง LED อันตรายไหม
นวัตกรรมฉายแสงลดผมร่วง LED เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ที่รุนแรงต่อร่างกาย ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว สามารถรักษาได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และหลังจากเข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ต้องพักฟื้น
3. Ultra Light Hair Therapy กี่ครั้งถึงจะเห็นผล
ผลลัพธ์ของเทคโนโลยีฉายแสงนี้จะอาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการฉายแสงไม่ได้เห็นผลลัพธ์หลังทำไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ควรทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถทำการรักษาได้ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ผมร่วงลดลง ผมหนามากขึ้น ประมาณ 3-6 เดือน โดยสามารถทำร่วมกับโปรแกรมดูแลเส้นผมอื่น ๆ ได้ เช่น PRP หรือ Anti Hairloss Program ทั้งนี้ระยะเวลาการรักษาที่เหมาะสมควรต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะปัญหาของคนไข้แต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน จึงต้องมีการวางแผนการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะกับแต่ละบุคคล
4. หลังปลูกผมรักษาด้วยการฉายแสง LED ดีอย่างไร
สำหรับคนไข้ที่ได้รับการปลูกผมถาวรมาแล้ว คุณหมอจะแนะนำให้ทำโปรแกรมฉายแสงควบคู่กันไปด้วย เพื่อช่วยกระตุ้นผมที่ปลูกไปให้ขึ้นใหม่เร็วขึ้น เพราะคลื่นแสง LED จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหลังการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น และการฉายแสงกระตุ้นรากผมนี้ยังสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นและทำให้เส้นผมที่เกิดใหม่เส้นหนาขึ้น พร้อมกับช่วยลดอาการบวม อาการอักเสบ ช่วยสมานแผลหรือสะเก็ดแผลหลังปลูกให้หายไว ช่วยให้กราฟผมหนาแน่น และป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมหลังปลูกได้ดีอีกด้วย
5. ผลลัพธ์หลังทำ Ultra Light Hair Therapy ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
การฉายแสงนอกจากจะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม เพิ่มความแข็งแรงให้รากผม และลดการหลุดร่วงของเส้นผมแล้ว คลื่นพลังงานของเทคโนโลยี Ultra Light Hair Therapy ยังช่วยกระตุ้นและเพิ่มปริมาณการไหลเวียนเลือดให้กับหนังศีรษะและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้มีสารอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ระบบประสาทของหนังศีรษะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมที่เกิดใหม่ก็จะงอกได้ดี ผมร่วงน้อยลง และผมดกหนาขึ้น ซึ่งสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนหากรักษาอย่างต่อเนื่อง