เคล็ดลับการดูแลผิวแบบเร่งด่วน ของคนในยุคปัจจุบัน คือ การ ฉีดวิตามินผิว และการกิน วิตามินผิวขาว เพราะเป็นวิธีการดูแลผิวที่ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว สำหรับใครที่อยากมีผิวสุขภาพดี ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่ม แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะต้องดูแลผิวด้วยวิธีไหน ในครั้งนี้ทาง All About Clinic จะ มาเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ระหว่าง ฉีดวิตามิน และ กินวิตามิน วิธีไหนที่จะเห็นผลได้เร็วกว่า ?
วิตามินทั้ง 5 ชนิดนี้ มักจะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ ดูแลผิว เพราะมีกลไกการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่คล้ำเสีย ผิวหยาบกร้าน ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และแพ้ง่าย
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แก้ไขปัญหาผิวเสียจากแสงแดด ทั้งความหมองคล้ำ ผิวหยาบกร้าน ระคายเคือง ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้น
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้กับผิว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดริ้วรอย
ALA (Alpha Lipoic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์เกิดการอักเสบ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกาย ดึงวิตามินซีกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวสว่างขึ้น ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ช่วยในเรื่องของริ้วรอย เพราะ CoQ10 จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน และอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใส
แอสตาแซนธิน จะช่วยป้องกันการทำลายเซลล์ และกระบวนการออกซิเดชั่น ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแดด และลดการอักเสบของเซลล์ ทำให้เกิดริ้วรอยได้ช้า
การเติมวิตามินผิว คือ การเสริมวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวให้กับร่างกาย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการฉีด การกิน รวมไปถึงการทา การเติมวิตามินเข้าสู่ร่างกาย เป็นการฟื้นบำรุงผิว ให้ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดี โดยวิตามินจะช่วยปรับสมดุลผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส ผิวมีความยืดหยุ่น และยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง มีสุขภาพดี และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบอื่น ในร่างกายให้ทำงานได้ดี
วิตามินผิวขาว หรือวิตามินบำรุงผิว ที่มาในรูปแบบของอาหารเสริม เป็นทางเลือกของการดูแลผิวที่สะดวก สบาย เพราะ สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าชั้นนำ และร้านขายยาทั่วไป ในท้องตลาดเอง ก็มีอาหารเสริมให้เลือกซื้ออยู่มากมาย หลายแบรนด์ และการกินวิตามิน เพื่อบำรุงผิวจะต้องกินอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เป็นระยะเวลา 3 เดือน จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
ข้อควรระวัง ควรอ่านรายละเอียดบนฉลากผลิตภัณฑ์ให้ละเอียด และควรหยุดพัก 1-2 เดือน เพื่อไม่ให้ไตทำงานหนักมากจนเกินไป และหากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
การ ฉีดวิตามิน บำรุงผิวแบบเข้มข้นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง หรือที่เรียกว่า การ ดริปผิว (IV Vitamin drip) จะเป็นการใช้วิตามินที่มีส่วนประกอบหลักคือ วิตามินซี (Vitamin C) วิตามินบี (Vitamin B) กรดอะมิโน (Amino Acids) คอลลาเจน (Collagen) และ เอ็น-อะเซทิลซิสเทอิน (NAC) ที่จำเป็นต่อการซ่อมแซม ฟื้นฟูผิว การฉีดวิตามินผิวเป็นวิธีที่ร่างกายสามารถดูดซึม วิตามิน ไปใช้ได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งดูดซึมได้ดีกว่า การกินวิตามิน และเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หลังจากที่ฉีดไปแล้วเพียง 3-4 ครั้ง ในช่วงแรกอาจจะต้องฉีดสัปดาห์ละครั้ง และหลังจากนั้นสามารถเว้นระยะเป็น 2 สัปดาห์ต่อครั้งได้ เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ต่อเนื่อง
วิธีการเพิ่มวิตามิน | ประสิทธิภาพในการดูดซึม | ระยะเวลา | ข้อดี | ข้อสีย |
ดริปผิว | มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ | เห็นผลได้ตั้งแต่ 3-4 สัปดาห์แรก |
|
|
กินวิตามิน | ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ | เห็นผลหลังจากทานไปแล้ว 3 เดือน |
|
|
จะเห็นว่าการดริปผิว หรือการฉีดวิตามินผิว จะเห็นผลลัพธ์ได้ไวกว่า และเป็นวิธีที่ร่างกายนำวิตามินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดริปผิวต้องเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ ที่ All About Clinic มีวิตามินบำรุงผิวและวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอยู่ด้วยกัน 3 สูตร คือ สูตร Blink สูตร White และสูตร Cinderella สามารถเลือกได้ตามปัญหาผิวที่พบ แลผลลัพธ์ที่ต้องการ