หากท่านเป็นอีกคนที่ประสบปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากฮอร์โมน กรรมพันธุ์ หรือปัญหาอื่น ๆ การปลูกผมก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ดี โดยการปลูกผมปัจจุบันได้พัฒนาเทคนิคในการปลูกให้ตอบโจทย์มากขึ้น พักฟื้นไว แผลเป็นน้อย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผม ผู้หญิง หรือ ปลูกผมชาย ก็สามารถทำการปลูกผมได้เช่นกัน ส่วนเทคนิคการปลูกผมที่นิยมใช้ในวงการแพทย์ หลัก ๆ จะมีอยู่ 3 เทคนิคด้วยกัน คือ เทคนิค FUT ,เทคนิค FUE และ เทคนิค ปลูกผม DHI ซึ่งวันนี้เราจะพาท่านไปทำความรู้จักกับเทคนิคปลูกผมแบบ DHI กัน ว่าคือเทคนิคปลูกผมแบบไหน ต่างจากรูปแบบอื่นอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยค่ะ
การปลูกผมแบบ DHI จริง ๆ แล้วก็คือวิธีปลูกผมแบบเดียวกับ FUE ที่ใช้เทคนิคในการปลูกผมแบบที่ใช้การเจาะกราฟผมออกมาทีละกราฟ ซึ่งวิธีการนี้จะต่างจากการปลูกผมแบบ FUT ที่ใช้วิธีตัดหนังศีรษะออกมาเป็นทางยาว และนำมาตัดแต่งทีละกราฟ ซึ่งการปลูกผมแบบ DHI นี้จะใช้วิธีการที่เหมือนกับ FUE (จะเรียกว่าเป็นเทคนิคเดียวกันก็ได้) แต่การใช้เครื่องมือจะแตกต่างกัน คือ DHI จะใช้เครื่องมือ DHI Implanter ในการปลูก ส่วน FUE จะใช้เครื่องมือ Forceps ในการปลูกค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว
อย่างที่บอกไปเบื้องต้น ว่าการปลูกผมทั้งสองรูปแบบนี้ คือ เทคนิคแบบเดียวกันที่มีการเจาะกราฟรากผมทีละกราฟแล้วมาปลูกยังบริเวณที่ต้องการ แต่ต่างกันที่เครื่องมือที่ใช้ในการปลูก ซึ่งเครื่องมือที่ต่างกันนี้ทำให้วิธีการปลูกผม และผลลัพธ์หลังปลูกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้ค่ะ
เป็นเครื่องมือปลูกผมที่มีลักษณะคล้ายแหนบที่มีปลายแหลม จะใช้ในการคีบกราฟผมและนำไปปลูกตรงรูรากผมที่ได้เจาะไว้แล้ว ส่วนขั้นตอนในการเก็บกราฟผมและเจาะรูเพื่อปลูกจะใช้อุปกรณ์หัวเจาะที่มีขนาดเล็กในการเจาะรู ดังนั้น ขั้นตอนในการ ปลูกผม FUE แบบใช้ Forceps จึงจะมีการเจาะหนังศีรษะครั้งแรกสำหรับเจาะรูเตรียมไว้ปลูก และอีกรอบก็เป็นขั้นตอนที่ใช้ Forceps คีบกราฟผมลงไปปลูกยังรูที่เตรียมไว้นั่นเองค่ะ
DHI Implanter (เครื่องมือในการปลูกผม DHI) เป็นปากกาปลูกผมที่ประกอบไปด้วยเข็มเจาะ ที่ปลายเข็มจะมีลักษณะเป็นรูกลวงสำหรับเตรียมกราฟผมไว้ปลูก ซึ่งตัวเข็มเจาะของ Implanter จะช่วยย่นระยะเวลาในการปลูกได้ เมื่อเทียบกับการปลูกด้วย Forceps เพราะสามารถเจาะรูหนังศีรษะและปลูกพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งตัวปากกา จะสามารถปรับความยาว-สั้นของเข็มเจาะได้ จึงง่ายต่อการควบคุมทิศทางของเส้นผม
สำหรับการปลูกผมแบบ Long Hair จะเป็นการที่นำเอากราฟผมมาปลูกโดยที่ไม่ต้องมีการตัดเส้นผมให้สั้น วิธีนี้จะทำให้ไม่เห็นแผลหลังปลูกผม เส้นผมที่นำไปปลูกใหม่จะยาวกลมกลืนไปกับแนวผมเดิม เหมาะกับผู้ที่อยากปลูกผมแต่ไม่อยากพักฟื้นนาน หรือไม่อยากตัดผมสั้น การปลูกผมแบบ Long Hair ก็จะตอบโจทย์ โดยการปลูกผมแบบ Long Hair ส่วนใหญ่จะนิยมปลูกโดยใช้เทคนิค FUE หรือ DHI แต่การปลูกผมในรูปแบบ Long Hair ก็จะมีข้อดี – ข้อเสียที่ต่างจากการปลูกผมแบบ Short Hair ดังนี้
และที่ All About Clinic ของเรา ก็มีบริการปลูกผมที่ครบครัน ทั้งเทคนิค FUE, DHI และเทคนิค Lean ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่เฉพาะที่ AAC โดยในการปลูกจะใช้เครื่องมือ Lean Implanter ที่สามารถปลูกได้รวดเร็ว แผลเล็ก และมีการตัดแต่งเนื้อเยื่อกราฟร่วมด้วย เพื่อให้กราฟผมมีความ Lean มากขึ้น สามารถปลูกได้แน่นกว่าเดิม และที่สำคัญการปลูกผมของเราจะเน้นปลูกให้สวยรับกับกรอบหน้าลูกค้ามากที่สุด ดังนั้นก่อนปลูกจึงมีการออกแบบ Hair Line ใหม่จนกว่าจะพอใจ นอกจากนี้เรายังมีบริการบำรุงรักษาเส้นผมและหนังศีรษะ อย่างการทำ Premium PRP และโปรแกรมบำรุงเส้นผม Anti HairLoss Program เรียกได้ว่าครบครันตอบโจทย์กลุ่มผู้มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน อย่างแท้จริง
ส่วนบริการอื่น ๆ เราก็พร้อมที่จะดูแล ไม่ว่าจะเป็น เสริมจมูก Open , Semi Open หรือ เทคนิค Close เลือกทรงสวยได้ไม่มีโป๊ะ หรือจะเป็นบริการศัลยกรรมอื่น ๆ อย่าง เสริมคาง ตาสองชั้น ปากกระจับ หรือว่าสนใจบริการดูแลผิวพรรณปรับรูปหน้าฉีดผิวขาว ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อนได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย