minoxidil

ยาปลูกผม Minoxidil มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ใช้แล้วอันตรายไหม

          การรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน สามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการกิน ทายา และการ ปลูกผม ซึ่งการใช้ยาแก้ผมร่วงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากสามารถหาซื้อได้ง่าย มีราคาไม่สูง และสามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น หากท่านกำลังมองหายาแก้ผมหลุดร่วง ก็คงจะเคยได้ยินชื่อยาฟีแนสเตอร์ไรด์ (Finasteride) กันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมียาอีกหนึ่งตัวคือ ไมนอกซิดิล (Minoxidil) ที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านเส้นผมได้เช่นกัน แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้จักมากนัก บทความของเราในวันนี้จึงอยากจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับยาชนิดนี้ว่ามีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไรบ้าง หากใช้แล้วจะเกิดอันตรายต่อหนังศีรษะของเราหรือไม่ มาไขข้อข้องใจไปพร้อมกันเลยค่ะ

เลือกอ่านหัวข้อในบทความ

รู้จัก Minoxidil มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร

minoxidil

          ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) กันก่อนค่ะว่ามันคือยาอะไร ซึ่งเดิมทียาไมนอกซิดิลนี้เป็นยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยจะมีกลไกการทำงานหรือออกฤทธิ์คือไปช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และเมื่อหลอดเลือดขยายตัวแล้วจะส่งผลให้เลือดสามารถไหลเวียนได้สะดวกและดีขึ้นด้วย ความดันโลหิตก็จะลดต่ำลง หลังจากนั้นมีการพบผลข้างเคียงของยาตัวนี้ว่า ส่งผลให้ผู้ป่วยส่วนมากมีผมและขนยาวขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัญหาหัวล้าน ผมบาง ก็มีเส้นผมงอกขึ้นใหม่มากขึ้น เมื่อใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4-6 เดือน เพราะเมื่อเลือดไหลเวียนดี รากผมก็จะได้รับสารอาหารมากขึ้นไปด้วย จึงมีการนำผลข้างเคียงนี้มาพัฒนาและนำไปผลิตเพื่อใช้ในการรักษาภาวะผมร่วง ผมบาง โดยจะถูกออกแบบให้เป็นทั้งยาที่ใช้รับประทานและยาแบบทาเฉพาะที่

ประเภทของยาไมนอกซิดิลที่ใช้ในปัจจุบัน

          ตัวยาไมนอกซิดิลที่ใช้ในการรักษาอาการผมร่วงจากกรรมพันธุ์ และใช้เพื่อการปลูกผม ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 2 รูปแบบ คือ แบบรับประทาน และแบบทา โดยมีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

1. ยาไมนอกซิดิล แบบรับประทาน

minoxidil
  • เป็นยาไมนอกซิดิลแบบเม็ด ใช้ในการรับประทาน ตัวยาที่ทานเข้าไปจะสามารถละลายและถูกดูดซึมได้ง่ายและเร็วกว่า ทำให้เห็นผลการรักษาได้ไวด้วย
  • ยาไมนอกซิดิลแบบกิน จะไม่สามารถกำหนดจุดที่ต้องการให้เส้นผมขึ้นได้ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงทั้งขนและผมทั่วทั้งตัว จึงกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นผมได้ทุกส่วน ทำให้มีขนขึ้นตาม แขน ขา หน้าอก หลัง หรือบริเวณใบหน้าร่วมด้วยได้ 
  • เมื่อหยุดใช้ยา ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดภาวะผมร่วงอีก รวมทั้งผลข้างเคียงจากการมีขนขึ้นในบริเวณต่างๆ ก็จะหลุดไปเองด้วย
  • ยาไมนอกซิดิลแบบยาเม็ด ให้ทาน 1 ครั้ง/วัน โดยทานครั้งละ 5 มิลลิกรัม
  • ควรใช้ยานี้ตามคำแนะนำและระยะเวลาที่กำหนดของแพทย์

2. ยาไมนอกซิดิล แบบทา

minoxidil
  • ยาไมนอกซิดิลมีทั้งแบบน้ำ แบบสเปรย์ และแบบแบบโฟม สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม ซึ่งยาแบบทานี้จะมีจุดเด่นคือช่วยทำให้ตัวยาออกฤทธิ์เฉพาะบริเวณที่ทาเท่านั้น และไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นผมจุดอื่นบนร่างกาย
  • ไม่มีผลข้างเคียงเรื่องความดันโลหิตต่ำ แบบยารูปแบบรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้ยาเข้าตา ปาก จมูก หรือเนื้อเยื่อเมือก (Mucous membrane) อื่นๆ ในร่างกาย
  • แบบยาทา ให้ใช้ทาบริเวณที่ผมร่วง ผมบาง วันละ 2 ครั้ง ซึ่งยาทานี้มี 2 แบบ แบ่งตามความเข้มข้นของตัวยา คือ 2% Minoxidil และ 5% Minoxidil
  • บางยี่ห้ออาจมีลักษณะที่ข้นเหนียวเหนอะหนะ เมื่อทาทิ้งไว้ทำให้เกิดคราบขาวคล้ายรังแค และยังทำให้คันหนังศีรษะและระคายเคืองได้
  • สำหรับการทา ต้องทาให้ถึงบริเวณโคนผมโดยพยายามให้โดนหนังศีรษะโดยตรงมากที่สุด เพื่อให้ตัวยาดูดซึมเข้าสู่รากผมได้ หากทาบนเส้นผมหรือใช้เป็นการหมักผม จะทำให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้เต็มที่และทำให้เส้นผมแข็งกระด้าง
  • บางคนนิยมนำยาไมนอกซิดิลมาใช้เพื่อปลูกคิ้วและปลูกหนวดด้วย

Minoxidil อันตรายไหม

          ยาแก้ผมร่วงไมนอกซิดิลไม่เป็นอันตราย โดยได้รับได้รับการรับรองเรื่องความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา ซึ่งก็ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจใช้ยาด้วย ไม่ควรที่จะซื้อยามาใช้ด้วยตัวเอง เนื่องจากจะต้องใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม จึงควรที่จะได้รับคำแนะนำก่อนรับประทานหรือทาทุกครั้ง

สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : ยาแก้ผมร่วง อันตรายหรือไม่ ใช้แล้วเห็นผลจริงไหม 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

minoxidil
  • แพ้ ระคายเคืองและคัน
  • เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
  • แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เจ็บเต้านม 
  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • อาจมีอาการบวมตามขา เท้า ข้อเท้า
  • อาจมีผมร่วงมากขึ้นในระยะแรก เนื่องจากเส้นผมที่ผลัดออกจะอยู่ในระยะสุดท้ายของวงจรผมแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติหลังจากนั้นผมก็จะขึ้นใหม่แทนเส้นผมเดิมที่หลุดไปและมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย
 

          สำหรับการทำงานของยาแก้ผมร่วงนั้น จะเป็นการรักษาภาวะผมร่วงในเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นการรักษาที่ถาวร นอกจากนี้การแก้ปัญหาผมหลุดร่วงไม่ใช่แค่การทานยาหรือการใช้ยาทาเท่านั้น ท่านยังสามารถดูแลและบำรุงเส้นผมด้วยวิธีการทำ PRP , โปรแกรม Anti Hair Loss และการปลูกผมถาวร ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาหนังศีรษะและปัญหาหัวล้านที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากกว่า

ติดต่อสอบถามเรื่องการดูแลเส้นผมได้ที่ : All About Clinic หรือที่ Line @AACCENTER