การปลูกผมแบบ DHI (Direct Hair Implantation) เป็นการปลูกผมที่ใช้ต่อยอดมาจากเทคนิค FUE ซึ่งจะใช้วิธีนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์เหมือนกับ FUE แต่ในขั้นตอนปลูกใช้ปากกาปลูกผม Implanter Pen ในการเจาะหนังศีรษะพร้อมกับปลูกได้ในครั้งเดียว ทำให้ได้แผลที่เล็กและบวมช้ำน้อยกว่าเทคนิคปลูกผมแบบ FUE นั่นเอง
การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI แตกต่างจาก FUE ตรงที่การใช้เครื่องมือในการปลูกกราฟต์ผมที่ต่างกัน นั่นทำให้การปลูกผมแบบ DHI มีข้อดีดังนี้
การปลูกผมส่วนที่จะเจ็บคือบริเวณศีรษะ 2 จุด ได้แก่ บริเวณท้ายทอย (Doner Area) ที่ทำการเก็บกราฟต์ผม และจุดที่ปลูกผมใหม่ ซึ่งทั้ง 2 ขั้นตอนแพทย์จะทำการฉีดยาชาก่อนทำหัตถการ ระหว่างปลูกจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังจากที่ปลูกเสร็จเรียบร้อยเมื่อยาชาหมดฤทธิ์จะรู้สึกปวดศีรษะอยู่บ้าง แต่สามารถทานยาเพื่อลดความปวดได้ โดยจะปวดศีรษะประมาณ 4-5 วันค่ะ
ผลลัพธ์การปลูกผมนั้นสามารถอยู่ได้ถาวร เพราะเส้นผมที่ปลูกใหม่นั้นเป็นรากผมที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนที่ทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้าน (อ่านบทความ : ผมร่วงเพราะฮอร์โมน รักษายังไง ? มารู้จักฮอร์โมน DHT ทำร้ายผมอย่างไรบ้าง) แต่หากอยากให้ผลลัพธ์หลังปลูกนั้นเส้นผมแข็งแรง หนา และลดปัญหาผมบางได้ก็ต้องดูแลเส้นผมหลังปลูกอย่างเคร่งครัด
ในการดูแลหลังปลูกผมนั้น หลังปลูกในช่วงแรกจะต้องดูแลรักษาแผลให้แห้งและสะอาด งดแคะแกะเกาแผลปลูกผมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน หลังจากที่แผลแห้งสนิทแล้ว ทางคลินิกจะนัดเข้ามาเคลียร์สะเก็ดแผล
หลังจากนั้นการดูแลจะเป็นเน้นไปที่การบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงซึ่งเป็นการดูแลระยะยาว เช่น
การเลือกปลูกผมนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาอันดับแรกคือความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องใช้เส้นผมซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในการนำมาปลูกใหม่ ดังนั้นการปลูกผมจึงควรปลูกไม่เกิน 1-2 ครั้ง จะดีที่สุด
ซึ่ง All About Clinic เองก็มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ทางด้านการปลูกผมมาอย่างยาวนานอย่างหมอพอล ที่เชี่ยวชาญการปลูกผมทั้งเทคนิค FUE , DHI และเทคนิค Lean ซึ่งคุณหมอได้คิดค้นต่อยอดมาเพื่อให้สามารถปลูกผมได้ชิดเรียงตัวสวย และแผลเป็นเล็กกว่าเทคนิคอื่น ๆ
การปลูกผมทั้งสองเทคนิค หลัก ๆ แล้วในขั้นตอนการเก็บกราฟต์จะใช้วิธีเดียวกัน คือเก็บกราฟต์ผมจากศีรษะด้านหลังทีละกราฟต์ละกราฟต์ด้วยปากกาหัวเจาะขนาดเล็ก แต่ความต่างกันของทั้งสองเทคนิคจะอยู่ที่ขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่ เพราะใช้เครื่องมือปลูกผมที่แตกต่างกัน ได้แก่
สำหรับขั้นตอนการปลูกกราฟต์ใหม่ จะใช้เข็มเจาะขนาดเล็กพิเศษทำการเจาะก่อนจะใช้ตัว Forceps (คีมปลูกผมขนาดเล็ก) ในการคีบกราฟต์ผมใหม่ลงไปปลูก
บทความที่เกี่ยวข้อง : ปลูกผม FUE คืออะไร ? รวม 8 ข้อควรรู้ก่อนปลูกผมแบบ FUE
ส่วนเทคนิค DHI ก็จะมีการนำกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แล้วโหลดใส่ปากกาปลูกผม จากนั้นก็ใช้เข็มเจาะของปากกาในการเจาะและปักรากผมใหม่ในครั้งเดียว
ถ้าถามว่าเทคนิคไหนดีกว่ากันระหว่าง FUE กับ DHI แน่นอนว่าเทคนิค DHI นั้นจะได้เปรียบกว่าในเรื่องการใช้เครื่องมือปลูกที่ทันสมัยกว่า แต่ถ้าถามถึงผลลัพธ์ก็จะต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ต้องปลูกโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทั้งสอง ความต่างจริง ๆ จะเป็นขั้นตอนระหว่างการปลูก คือ DHI จะใช้เวลาปลูกน้อยกว่า ทำให้รากผมอยู่นอกร่างกายน้อยกว่า จึงเพิ่มโอกาสฟื้นฟูเส้นผมปลูกใหม่ได้ง่ายขึ้น
แต่สำหรับใครที่ปรึกษาแพทย์แล้วเส้นผมมีความแข็งแรงพร้อมปลูก และไม่ได้มีปัญหาศีรษะล้านแบบหนัก ๆ การปลูกแบบ FUE ที่ราคาเซฟกว่าก็ช่วยให้สามารถจัดสรรงบไปดูแลฟื้นฟูหลังปลูกผมได้เหมือนกัน
ราคาปลูกผม DHI ที่ All About Clinic เริ่มต้นที่ 79 บาท/ กราฟต์ ซึ่งส่วนใหญ่การปลูกผมจะคำนวณเป็นจำนวนกราฟต์ เช่น 1,000 / 1,500 หรือ 2,000 กราฟต์ แนะนำว่าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาและคำนวณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นก่อนปลูกได้ ทางไลน์ @aacthailand